9 ประโยชน์สำคัญของไข่ผำในน้ำ ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม คืออะไรบ้าง มาดูต่อกันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายคนอาจจะยังไม่ทันได้สังเกตเห็นว่า จริงๆ ธรรมชาติรอบตัวเรามีองค์ประกอบที่เกื้อหนุนกันอย่างซับซ้อนและน่าทึ่ง ตั้งแต่ต้นไม้ใหญ่ที่ช่วยฟอกอากาศ สัตว์เล็กที่ควบคุมแมลง ไปจนถึงพืชน้ำขนาดจิ๋วที่แทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือไข่ผำค่ะซึ่งพืชน้ำที่ได้ชื่อว่ามีขนาดเล็กที่สุดในโลก แม้จะดูไร้ความหมายเมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่น แต่แท้จริงแล้วไข่ผำกลับซ่อนบทบาทสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเอาไว้มากมายนะคะ ทั้งช่วยฟื้นฟูความสมบูรณ์ของดิน รักษาน้ำให้มีคุณภาพ และสร้างสมดุลให้ระบบนิเวศดำเนินไปอย่างราบรื่นโดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี และหากมองในมุมของด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ไข่ผำยังช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้ปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลงที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนในดินและน้ำ การเจริญเติบโตของไข่ผำในแหล่งน้ำสะอาดสามารถตรึงไนโตรเจนและกักเก็บคาร์บอนได้ ที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูคุณภาพน้ำ ป้องกันการชะล้างหน้าดิน และยังเป็นอาหารธรรมชาติที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์น้ำอีกด้วย การมีไข่ผำจึงไม่ใช่เพียงการเพิ่มสีเขียวให้กับผิวน้ำค่ะ แต่เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ระบบนิเวศโดยรวมมีความยั่งยืน แข็งแรง และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อม และการกระทำของมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต่อไปนี้คือประโยชน์ที่เราได้รับจากการมีไข่ผำนะคะ 1. ช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ดิน ไข่ผำเป็นพืชน้ำจิ๋วที่มีคุณสมบัติพิเศษมากค่ะ ตรงที่สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศผ่านจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในเนื้อเยื่อได้ โดยเมื่อไข่ผำเจริญเติบโตและย่อยสลายเพื่อการเจริญเติบโต สารอาหารส่วนหนึ่งจะถูกปล่อยกลับลงไปในดิน ทำให้ดินที่เสื่อมโทรมค่อยๆ ฟื้นตัวและมีธาตุอาหารครบถ้วนมากขึ้น โดยเฉพาะธาตุอาหารหลักที่เกี่ยวกับการบำรุงใบ ซึ่งเป็นธาตุสำคัญในการเจริญเติบโตของพืช การใช้ไข่ผำจึงเปรียบเสมือนการเติมปุ๋ยธรรมชาติที่ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้างค่ะ นอกจากนี้การที่ไข่ผำถูกย่อยสลายกลายเป็นอินทรียวัตถุ ยังมีส่วนช่วยปรับโครงสร้างของดินให้ร่วนซุย ระบายน้ำและอากาศได้ดีขึ้น ซึ่งเอื้อต่อการเจริญเติบโตของรากพืชและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน ระบบนิเวศใต้ดินจึงมีความสมดุลและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือพืชผลที่ปลูกมีความแข็งแรง ต้านทานโรคและแมลงได้ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างวงจรดินที่ยั่งยืน เกิดการหมุนเวียนสารอาหารตามธรรมชาติ ช่วยให้เกษตรกรลดการใช้ปุ๋ยเคมี และยังรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน 2. ลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี จริงๆ แล้วไข่ผำถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เกษตรกรสามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้อย่างเห็นผลค่ะ เนื่องจากไข่ผำมีความสามารถในการตรึงไนโตรเจนจากอากาศ และปลดปล่อยสารอาหารกลับสู่ดินเมื่อย่อยสลาย ซึ่งกระบวนการนี้ช่วยเพิ่มธาตุอาหารที่พืชต้องการโดยตรง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการเจริญเติบโตของต้นข้าวและพืชผักหลายชนิด การมีไข่ผำอยู่ในนาข้าว จึงช่วยทดแทนการใส่ปุ๋ยยูเรียหรือปุ๋ยไนโตรเจนค่ะ ที่มักมีราคาสูงและเสี่ยงต่อการชะล้างลงสู่แหล่งน้ำ การลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมีไม่เพียงช่วยประหยัดต้นทุนให้เกษตรกร แต่ยังสร้างผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เพราะการใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป อาจทำให้ดินเสื่อมโทรม เกิดการสะสมของสารตกค้าง และทำให้ระบบนิเวศในแหล่งน้ำเสียสมดุล การใช้ไข่ผำเป็นปุ๋ยธรรมชาติจึงเปรียบเสมือนการลงทุนที่ได้ผลสองทาง ทั้งช่วยเกษตรกรลดภาระค่าใช้จ่าย และยังรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำให้ยั่งยืนต่อไปได้ 3. ควบคุมวัชพืชในแหล่งน้ำ รู้ไหมคะว่า ไข่ผำมีลักษณะการเจริญเติบโตแบบลอยอยู่บนผิวน้ำ และสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อแพร่กระจายเต็มพื้นที่ก็จะปกคลุมผิวน้ำบางส่วน ทำหน้าที่เป็นเสมือนม่านธรรมชาติที่ลดปริมาณแสงแดดที่ส่องลงไปในน้ำ เมื่อแสงถูกบดบัง วัชพืชน้ำที่ต้องการแสงในการเจริญเติบโต เช่น สาหร่ายสีเขียวหรือผักตบชวา จะเติบโตช้าลงหรือไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้มากเกินไป สิ่งนี้จึงช่วยป้องกันการระบาดของวัชพืชน้ำที่มักสร้างปัญหาให้กับระบบนิเวศและการเกษตรค่ะ นอกจากนี้การมีไข่ผำช่วยรักษาสมดุลของระบบน้ำ ทำให้ไม่เกิดการเบียดเบียนกันระหว่างพืชน้ำชนิดต่างๆ และลดภาระของเกษตรกรหรือชุมชนที่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการกำจัดวัชพืชน้ำเกินจำเป็น อีกทั้งยังช่วยให้น้ำในพื้นที่เกษตร เช่น นาข้าวหรือบ่อเลี้ยงปลา มีความใสและสะอาดมากขึ้น เพราะวัชพืชที่มากเกินไปมักเป็นสาเหตุให้เกิดการเน่าเสีย และทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง การใช้ไข่ผำเป็นวิธีควบคุมธรรมชาติที่ไม่ต้องพึ่งสารเคมีและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมค่ะ 4. ป้องกันการระเหยของน้ำ ปกติไข่ผำที่ลอยตัวอยู่บนผิวน้ำทำหน้าที่คล้ายแผ่นปกคลุมตามธรรมชาติ เมื่อกระจายตัวอย่างหนาแน่นจะช่วยบดบังแสงแดดที่ตกกระทบโดยตรงกับผิวน้ำ ทำให้ลดอัตราการระเหยได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการนี้ช่วยเก็บกักน้ำไว้ในระบบนิเวศหรือพื้นที่เกษตร เช่น นาข้าว บ่อน้ำ หรือบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ให้มีระดับน้ำที่คงที่ยาวนานขึ้น โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่น้ำมีโอกาสหายไปอย่างรวดเร็ว การมีไข่ผำจึงเป็นเกราะป้องกันธรรมชาติที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ดีกว่าปล่อยให้ผิวน้ำโล่ง และผลลัพธ์จากการป้องกันการระเหยนี้ ก็มีความสำคัญมากต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมค่ะ เพราะไม่เพียงลดการสิ้นเปลืองน้ำ แต่ยังช่วยให้สิ่งมีชีวิตในน้ำมีที่อยู่อาศัยที่เสถียร ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในน้ำจากระดับน้ำที่เปลี่ยนแปลงไปเร็ว นอกจากนี้ยังลดความจำเป็นในการสูบน้ำเพิ่มหรือต้องหาน้ำสำรองมาทดแทน ซึ่งช่วยประหยัดทั้งพลังงานและต้นทุน การใช้ไข่ผำจึงเป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังในการรักษาทรัพยากรน้ำให้คงอยู่ได้นานที่สุด 5. เป็นแหล่งอาหารธรรมชาติให้สัตว์น้ำ ไข่ผำเป็นพืชน้ำที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงค่ะ โดยเฉพาะโปรตีนที่มีสัดส่วนมากพอ จึงกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของสัตว์น้ำหลายชนิด เช่น ปลาเล็ก กุ้งหอย ปู และสัตว์น้ำจืดอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศตามธรรมชาติ การมีไข่ผำในบ่อหรือนาข้าวช่วยสร้างแหล่งอาหารที่สดใหม่ต่อเนื่อง สัตว์น้ำจึงไม่ขาดแคลนอาหารและสามารถเจริญเติบโตได้รวดเร็ว แข็งแรงกว่าการเลี้ยงในระบบที่ต้องพึ่งพาอาหารเสริมจากภายนอกเพียงอย่างเดียว นอกจากจะช่วยลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์น้ำแล้ว ไข่ผำยังช่วยเสริมสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศในบ่อหรือนา เนื่องจากสัตว์น้ำจะกินไข่ผำตามธรรมชาติไปพร้อมกับการหมุนเวียนสารอาหารในน้ำ เมื่อไข่ผำที่เหลือย่อยสลายก็กลายเป็นอินทรียวัตถุที่เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินและน้ำอีกต่อหนึ่ง จึงเกิดเป็นวงจรที่ยั่งยืน ทั้งสัตว์น้ำได้อาหาร พื้นที่เพาะปลูกได้ปุ๋ยธรรมชาติ และเกษตรกรก็ได้รับผลผลิตที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีหรืออาหารสังเคราะห์มากนักค่ะ 6. กักเก็บคาร์บอนในระบบนิเวศ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ไข่ผำมีอัตราการสังเคราะห์แสงที่รวดเร็วมาก เมื่อเจริญเติบโตบนผิวน้ำจะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศ มาใช้สร้างเนื้อเยื่อพืชในทุกๆ วัน ซึ่งกลไกนี้ทำให้ไข่ผำกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการกักเก็บคาร์บอนในระบบนิเวศ ที่ไม่ต่างจากการปลูกป่า แต่เกิดขึ้นในพื้นที่ชุ่มน้ำหรือบ่อน้ำขนาดเล็ก การกักเก็บคาร์บอนนี้มีความสำคัญค่ะ เพราะช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่สะสมอยู่ในอากาศ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อไข่ผำเจริญเต็มที่และตายลง ซากพืชเหล่านี้จะจมลงสู่ก้นน้ำหรือผสมเป็นอินทรียวัตถุในดิน จึงส่งผลให้คาร์บอนยังคงถูกเก็บกักไว้ในระบบโดยไม่ถูกปลดปล่อยกลับสู่บรรยากาศในทันที โดยวงจรนี้ไม่เพียงช่วยดูดซับคาร์บอน แต่ยังสร้างชั้นอินทรียวัตถุที่มีประโยชน์ต่อดินและน้ำในระยะยาว ทำให้พื้นที่เพาะปลูกมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้นด้วย ดังนั้นการเลี้ยงหรือใช้ไข่ผำจึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางเชิงนิเวศที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกค่ะ 7. รักษาสมดุลความเป็นกรดและด่างของน้ำ จากที่ไข่ผำที่เจริญเติบโตอยู่บนผิวน้ำไม่ได้เพียงแค่ปกคลุมพื้นที่ แต่ยังมีบทบาทในการช่วยปรับสมดุลทางเคมีของน้ำด้วย กระบวนการสังเคราะห์แสงในเวลากลางวันจะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ค่าความเป็นกรดลดลง และในขณะเดียวกันกระบวนการตรึงไนโตรเจนของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ร่วมกับไข่ผำ ก็ช่วยเติมธาตุอาหารให้กับน้ำ จึงส่งผลให้ค่าความเป็นกรดและด่าง (pH) คงที่ อยู่ในระดับเหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิตน้ำ การมีน้ำที่สมดุลไม่เป็นกรดหรือด่างจนเกินไป ช่วยให้ปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์สามารถดำรงชีวิตและขยายพันธุ์ได้อย่างปกติ เพราะถ้าแหล่งน้ำมีค่ากรดหรือด่างสูงเกินไป สิ่งมีชีวิตหลายชนิดจะไม่สามารถอยู่รอดได้และอาจเกิดการตายหมู่ แต่เมื่อมีไข่ผำเข้ามาช่วยควบคุมสมดุล ระบบนิเวศในแหล่งน้ำก็มีความเสถียรมากขึ้น อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลันที่อาจทำลายระบบนิเวศโดยรอบ การรักษาสมดุลนี้ยังช่วยเกษตรกรที่เลี้ยงปลา กุ้ง หรือใช้แหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะไม่ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำเสื่อมคุณภาพบ่อยครั้ง ซึ่งถือเป็นกลไกธรรมชาติที่ช่วยประหยัดทั้งแรงและต้นทุน โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีปรับน้ำเพิ่มเติมค่ะ 8. ลดการชะล้างหน้าดิน หลายคนยังไม่รู้ว่า ไข่ผำสามารถช่วยลดการชะล้างหน้าดินได้ ด้วยกลไกที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ โดยเมื่อไข่ผำแพร่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือนาข้าวที่มีน้ำท่วมขังอยู่ตลอดเวลา ไข่ผำจะทำหน้าที่ช่วยลดความแรงของการไหลของน้ำลง ทำให้น้ำไม่ซัดพัดพาเอาหน้าดินหรือธาตุอาหารไปได้ง่ายๆ โดยผลลัพธ์คือหน้าดินยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่ในพื้นที่เดิม พืชจึงได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดปัญหาดินเสื่อมโทรมจากการสูญเสียชั้นดินที่มีคุณภาพ เมื่อไข่ผำตายลงและย่อยสลาย ซากพืชก็ยังกลายเป็นอินทรียวัตถุที่ช่วยยึดเกาะเม็ดดินให้จับตัวแน่นขึ้น โครงสร้างดินจึงมีความมั่นคงมากกว่าเดิม อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำและเก็บความชุ่มชื้นในดิน ทำให้พืชในพื้นที่สามารถเติบโตได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ความสามารถนี้จึงถือเป็นประโยชน์ทางอ้อมที่ช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่เพาะปลูก ลดความเสียหายจากการชะล้างของฝนหรือการไหลบ่าของน้ำในฤดูน้ำหลากค่ะ 9. สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ รู้ไหมคะว่า ไข่ผำเป็นพืชน้ำที่แม้มีขนาดเล็กมาก แต่กลับมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศน้ำ เพราะว่าการมีไข่ผำปกคลุมผิวน้ำ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิตนานาชนิด ทั้งสัตว์น้ำขนาดเล็กที่ใช้เป็นแหล่งอาหาร แพลงก์ตอนที่อาศัยร่วม รวมถึงแมลงน้ำที่เข้ามาเกาะและวางไข่ ซึ่งสภาพเช่นนี้ทำให้ระบบนิเวศน้ำมีความซับซ้อนมากขึ้น และเกิดห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีหรือการแทรกแซงจากมนุษย์มากนัก โดยในอีกด้านหนึ่งการมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดอยู่ร่วมกัน ยังช่วยให้ระบบนิเวศมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น เช่น ในช่วงน้ำท่วมหรือน้ำแล้ง ระบบที่มีความหลากหลายย่อมฟื้นตัวได้เร็วกว่าระบบที่มีสิ่งมีชีวิตเพียงไม่กี่ชนิด ไข่ผำจึงไม่เพียงเป็นแหล่งอาหารหรือปุ๋ยธรรมชาติ แต่ยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพที่ยั่งยืน ถือเป็นตัวต่อชิ้นเล็กที่ทำให้ภาพรวมของธรรมชาติมีความสมบูรณ์ครบถ้วนมากยิ่งขึ้นค่ะ และนั่นคือผลในทางบวกจากการมีไขผำค่ะ จะเห็นได้ว่าไข่ผำแม้จะมีขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่คุณค่าทางสิ่งแวดล้อมกลับยิ่งใหญ่เกินคาด เพราะช่วยฟื้นฟูและรักษาสมดุลของธรรมชาติในหลายมิติ ตั้งแต่การเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน การตรึงไนโตรเจนและเติมสารอาหารที่จำเป็น จึงทำให้ไม่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมีมากเกินไป อีกทั้งยังช่วยลดการชะล้างหน้าดินและการสูญเสียน้ำจากการระเหย จึงเป็นกลไกธรรมชาติที่ช่วยเกษตรกรและชุมชนท้องถิ่นได้โดยตรง เมื่อระบบดินและน้ำอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พืชผลก็เติบโตได้แข็งแรง และระบบนิเวศโดยรอบก็มีความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยในด้านการเกษตรไข่ผำถูกเปรียบได้กับผู้ช่วยลับ ที่ทำให้การเพาะปลูกมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งช่วยประหยัดต้นทุนการใช้ปุ๋ย เพิ่มผลผลิตที่ปลอดภัยจากสารเคมี และยังทำหน้าที่เป็นอาหารธรรมชาติที่มีคุณค่าสำหรับปลา กุ้ง และสัตว์น้ำอื่นๆ ซึ่งสิ่งนี้ช่วยลดความจำเป็นในการซื้ออาหารสัตว์น้ำจากภายนอก และทำให้ระบบเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เกษตรกรจึงได้รับทั้งผลผลิตที่ดีและรายได้ที่มั่นคง ในขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ได้อาหารที่สะอาด ปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขอนามัย ซึ่งในภาพรวมระดับโลกนั้น ไข่ผำยังมีบทบาทต่อการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยความสามารถในการสังเคราะห์แสงและกักเก็บคาร์บอนได้อย่างรวดเร็ว จึงช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ อีกทั้งยังเป็นตัวเชื่อมให้ระบบนิเวศมีความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้น ซึ่งความหลากหลายนี้ทำให้ธรรมชาติแข็งแรงและยืดหยุ่น สามารถฟื้นตัวได้จากวิกฤติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง หรือมลพิษ การนำไข่ผำมาใช้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของท้องถิ่นค่ะ แต่เป็นการลงทุนเชิงสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในระดับสากล และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สิ่งเล็กๆ ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ยิ่งใหญ่ ที่เปลี่ยนอนาคตโลกให้ดีกว่าเดิมได้ค่ะ ในส่วนของไข่ผำสำหรับผู้เขียนนั้น จริงๆ เคยรับประทานแกงไข่ผำที่น้าคนข้างบ้านนำมาให้ค่ะ ก็อร่อยดีค่ะ ไม่ขม ไม่เหม็น และเคยเห็นแม่ค้าที่ตลาดนำไข่ผำมาขายด้วยเหมือนกัน โดยผู้เขียนเองก็ได้ซื้อกลับมาบ้านด้วย แต่พบว่ามีเศษหญ้าเยอะไปหน่อย เลยนำไข่ผำที่ซื้อมานั้นไปเทกองในแปลงผักสวนครัวหน้าบ้านแทน เพื่อให้กลายเป็นปุ๋ยบำรุงดินค่ะ สำหรับการเกิดของไข่ผำในแหล่งน้ำตามธรรมชาตินั้น ผู้เขียนเคยเห็นมาทั้งในส่วนที่เป็นของจริงและที่มีคนมาลงไว้ตามสื่อต่างๆ และปัจจุบันมีการเลี้ยงไข่ผำเพื่อจำหน่ายด้วยค่ะ อย่างไรก็ตามหากคุณผู้อ่านต้องการประโยชน์จากไข่ผำหรือมองเห็นแล้วว่าไขผำมีประโยชน์ ก็ลองนำปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันค่ะ โดยอาจเริ่มจากนำมาเป็นอาหารให้สัตว์เลี้ยงก่อนก็ได้ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #ไข่ผำทำอะไรได้บ้าง #ประโยชน์ของไข่ผำ #ความหลากหลายทางชีวภาพ #SwampAlgae #Wolffia เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 สภาวะที่ทำให้แหนเป็ดเล็ก เกิดได้เองตามธรรมชาติ ในแหล่งน้ำ 7 พืชที่สามารถบำบัดน้ำเสียได้ ดูดซับสารพิษในน้ำ มีอะไรบ้าง จอกผักกาด พืชน้ำเลี้ยงปลา ใช้จัดสวน และบำบัดน้ำเสียได้ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !