รีเซต

สงครามหุ้นเกมสต็อป ป่วนวอลสตรีท คองเกรสสั่งสอบ พุ่งเป้าเฮดจ์ฟันด์

สงครามหุ้นเกมสต็อป ป่วนวอลสตรีท คองเกรสสั่งสอบ พุ่งเป้าเฮดจ์ฟันด์
มติชน
29 มกราคม 2564 ( 16:51 )
39
สงครามหุ้นเกมสต็อป ป่วนวอลสตรีท คองเกรสสั่งสอบ พุ่งเป้าเฮดจ์ฟันด์

สำนักข่าวเอเอฟพี รอยเตอร์และบีบีซีรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มกราคม คณะกรรมาธิการด้านบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐ แถลงว่ากำลังจัดให้มีการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาในตลาดหุ้นวอลสตรีท หลังเกิดกรณีที่รู้จักกันในชื่อ “สงครามหุ้น” หรือ “เรดดิท แรลลี” เกิดขึ้นระหว่างนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากที่รวมตัวกันผ่านโซเชียลมีเดีย อย่าง เรดดิท และ เฟซบุ๊ก ให้ช่วยกันทะยอยไล่ซื้อหุ้น และถือหุ้นของบริษัทที่เป็นเป้าหมาย อาทิ บริษัทเกมสต็อป ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านค้าแผ่นเกมและเครื่องเล่นเกมของสหรัฐอเมริกา, เอเอ็มซีเอนเทอร์เทนเมนท์, อเมริกันแอร์ไลน์, แบล็กเบอรี เป็นต้น จนสามารถไล่ราคาขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเล่นงานโบรกเกอร์และกองทุนบริหารความเสี่ยงหรือเฮดจ์ฟันด์ ที่นิยมทำกำไรผ่านวิธีการชอร์ทเซลส์ หรือการประกาศขายหุ้นล่วงหน้าโดยที่ยังไม่มีหุ้นเหล่านั้นอยู่ในมือ เพราะคาดการณ์ว่าราคาหุ้นดังกล่าวจะลดลงในเวลาที่แน่นอนเวลาหนึ่ง ซึ่งกลุ่มนักลงทุนรายย่อยเหล่านี้ถือว่าเป็นตัวการกำหนดชะตากรรมของตลาดหุ้นเพื่อผลประโยชน์ของตนเองโดยไม่ใยดีกับพื้นฐานของหุ้นหรือชะตากรรมของนักลงทุนรายย่อยที่มักตกเป็นเหยื่อเสมอ

 

นักลงทุนรายย่อยเหล่านี้รวมตัวกันมากที่สุดผ่านฟอรัมหรือห้องแชท “วอลสตรีทเบ็ท” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์เรดดิท โดยกลุ่มวอลสตรีทเบ็ทดังกล่าวนี้ มีจำนวนมากถึง 4.7 ล้านคน หนึ่งในจำนวนนั้นคือ อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ที่รู้จักกันในฟอรัมในชื่อ “ปาปา มัสก์” โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรายย่อยที่เคยสูญเสียรายได้ก้อนใหญ่ บางรายถึงกับหมดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา เมื่อตลาดวอลสตรีทร่วงลงลึกมากในระยะสั้น เพราะผวากับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และหันมาทำสงครามหุ้นครั้งนี้เพื่อแก้แค้นจากการหมดตัวในครั้งนั้น ที่ถือว่าเป็นเพราะโบรกเกอร์และเฮดจ์ฟันด์ทั้งหลายพร้อมใจกันทุบหุ้นนั่นเอง

 

รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มนักลงทุนรายย่อยเหล่านี้นอกจากที่รวมตัวกันในเรดดิทแล้ว ยังอาศัยเฟซบุ๊กแฟนเพจเป็นศูนย์กลางเรียกตัวเองว่ากลุ่ม “โรบินฮูดสต็อกเทรเดอร์ส” ซึ่งมีสมาชิกมากถึง 157,000 คน โดยกลุ่มเหล่านี้เลือกใช้แพลทฟอร์มซื้อหุ้นออนไลน์ “โรบินฮูด” เป็นหลักในการทำสงครามหุ้นครั้งนี้ เนื่องจากแอพพ์โรบินฮูด เปิดให้มีการซื้อขายหุ้นออนไลน์กันแบบไม่มีคอมมิสชัน

 

อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดปรากฏการณ์ราคาหุ้นของเกมสต็อปถูกไล่ซื้อดันราคาจาก 20 ดอลลาร์ต่อหุ้นไปถึง 492 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเวลาเพียงสัปดาห์เดียว ทำให้โรบินฮูดตัดสินใจจำกัดการขายหุ้นเฉพาะตัวที่อื้อฉาวทั้งหลาย รวมทั้งเกมสต็อป พร้อมๆ กับที่เฟซบุ๊ก ปิดแฟนเพจของกลุ่ม โรบินฮูด สต็อกเทรเดอร์ส โดยอ้างว่าเป็นเพจอันตราย ส่งผลให้เกิดข้อครหาและโวยวายว่าเป็นการกระทำไม่เป็นธรรม เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเศรษฐีมหาเศรษฐี ที่ลงทุนผ่านกองทุนขนาดใหญ่ทั้งหลายอีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง