รีเซต

ชาวบ้านร้อง พระอายุ 80 ไม่สังกัดวัด แต่มาอยู่กับอดีตภรรยาที่บ้าน-นั่งขายของในร้านมินิมาร์ท

ชาวบ้านร้อง พระอายุ 80 ไม่สังกัดวัด แต่มาอยู่กับอดีตภรรยาที่บ้าน-นั่งขายของในร้านมินิมาร์ท
มติชน
11 มีนาคม 2565 ( 15:37 )
74
ชาวบ้านร้อง พระอายุ 80 ไม่สังกัดวัด แต่มาอยู่กับอดีตภรรยาที่บ้าน-นั่งขายของในร้านมินิมาร์ท

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเมืองสระบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)สระบุรี และ พระครูปราสาท สรคุณ เจ้าคณะตำบลหน้าพระลาน วัดศรัทธาประชากร ลงพื้นที่ตรวจสอบ ร้านธัญพิชชาการค้า ซึ่งเปิดเป็นร้านมินิมาร์ท ตั้งอยู่เลขที่ 690/34 ถ.พิชัยฯ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี เนื่องจากมีชาวบ้านร้องเรียนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ว่า พบเห็นบุคคลแต่งกายเป็นพระสงฆ์ มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยพักอาศัยอยู่กับอดีตภรรยาของพระรูปดังกล่าว เป็นเวลานาน โดยที่ไม่กลับไปอยู่วัด

 

ซึ่งในบางครั้งพระรูปดังกล่าวก็ทำตัวเป็นพ่อค้านั่งขายของอยู่ภายในร้าน เป็นประจำแทบทุกวัน เกรงว่าจะทำความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา

 

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าพระรูปดังกล่าว กำลังนั่งฉันภัตตาหารเพลอยู่บนโต๊ะอาหารภายในร้าน โดยมีอดีตภรรยานั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกมุมหนึ่งของร้าน จากการสอบถามทราบชื่อว่าพระภิกษุรื่น ฉายา ชิตกาโร อายุ 80 ปี พรรษา 22 สังกัดวัดทุ่งโพธิ์ ตำบลอิสาน อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์

 

โดยพระรื่น พูดว่าอาตมาเป็นพระสามารถพักอาศัยอยู่ที่ไหนก็ได้ ซึ่งการอยู่ด้วยกันนั้น จะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ มันอยู่ที่ใจ ซึ่งเวลาฉันข้าว อดีตภรรยาก็เป็นคนถวายให้ ตนก็ ยะถา สัพพีให้ เวลาจะเอาอะไรเพิ่มก็ไม่ได้รับกับมือ มีการวางไว้ให้จึงได้หยิบ

 

ทางเจ้าหน้าที่พูดว่าการกระทำดังกล่าวทำให้ชาวบ้านไม่สบายใจ ซึ่งอดีตภรรยาตอบกลับมาว่า ตนไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร

 

ซึ่งเมื่อพระรูปดังกล่าวนำอาหารเข้าไปเก็บในครัวและเดินออกมาพบว่านักข่าวกำลังถ่ายอยู่ ก็โวยใส่นักข่าวว่า มันจะอะไรกันนักกันหนา อาตมาไม่ได้ไปฆ่าไปแกงใครที่ไหน พร้อมกล่าวอีกว่ารู้จักปาราชิกไหม ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามเรื่องผู้หญิง นึกว่าอาตมาเป็นอรหันต์ ซึ่งอาตมาไม่เคยพูดคุยกับใครถ้ามาดูถูกแบบนี้ ก็อยากให้ฟังหรือมาสนทนาธรรมกัน ใครเก่งธรรมะเชิญเลย โดยที่อาตมาจะยังคงอยู่ภายในร้านดังกล่าวต่อ

ด้านอดีตภรรยา(ขอสงวนนาม) เผยว่า ที่พระมาอยู่ที่นี่ เนื่องจากต้องไปหาหมอ และต้องฉีดยา เนื่องจากว่าไม่ค่อยสบาย และเมื่อกลับไปไม่ได้ ก็ให้อยู่ที่นี่ไปก่อน ซึ่งการมาอยู่ก็อยู่แบบไปๆ มาๆ ซึ่งพระก็บวชมา 20-30 ปีแล้ว

ด้านพระครูปราสาท สรคุณ เจ้าคณะตำบลหน้าพระลาน(วัดศรัทธาประชากร) เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนว่า มีพระภิกษุมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นเวลานาน ซึ่งมาขายของด้วย ทำให้ทางญาติโยมเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม ก็เลยร้องเรียนไปยัง พศ.ซึ่งทางพศ.แจ้งมายังอาตมาให้เข้ามาตรวจสอบ

จากการตรวจและสอบถาม ทราบว่าพระรูปนี้ได้เข้ามาอยู่เป็นระยะเวลานานเป็นแรมปีแล้ว และไม่ได้ไปไหน มาอยู่เป็นประจำ ซึ่งทำให้เกิดความไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้อง ซึ่งพระควรจะมีสังกัดและอยู่ที่วัด การจะมาที่บ้านได้ ก็ควรจะมาเป็นบางครั้งบางคราว ไม่ควรจะมาอยู่ประจำเป็นเวลานานๆ ถ้ามาเยี่ยมโยมก็มาเยี่ยมได้ ซึ่งมา 2-3 วันหรืออาทิตย์หนึ่งก็ยังไม่น่าเกลียด แต่ไม่ควรมาอยู่เป็นประจำเป็นแรมปีแบบนี้ เป็นการไม่เหมาะสม และการมานั่งขายของด้วยแล้วยิ่งไม่เหมาะสมใหญ่

เรื่องนี้มีความผิดในเรื่องกฎระเบียบของมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นคำสั่งของมหาเถรสมาคมว่า ภิกษุต้องมีที่พักเป็นหลักแหล่ง ควรที่จะพักอยู่ในวัด ในอารามมีสังกัดที่ชัดเจนซึ่งไม่อนุญาตให้มาอยู่บ้านเป็นเวลานานแบบนี้

พระครูปราสาท เผยต่อว่า จากการตรวจสอบ พบว่าเป็นจริงตามที่ชาวบ้านร้องเรียนมา และให้พระรูปดังกล่าวกลับไปยังสังกัดแล้ว แต่เขายังไม่ยอมกลับ ทางเราก็จะแจ้งไปยังต้นสังกัด ว่าพระที่อยู่ในความดูแลได้มาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน และกระทำพฤติกรรมเช่นนี้ โดยไม่เชื่อฟังและไม่ยอมกลับไปวัด โดยมาอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นระยะเวลานาน ถือเป็นการละเมิดคำสั่งมหาเถรสมาคม

ซึ่งเจ้าหน้าที่มากล่าวตักเตือนแล้วก็ไม่ฟัง จึงได้ทำการบันทึกไว้แล้ว และจะนำเรื่องนี้แจ้งเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ต้นสังกัดให้ทราบ โดยจะให้ทางเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์เรียกพระรูปนี้กลับไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ถ้าทางต้นสังกัดเรียกแล้ว ก็ยังไม่ไปก็จะให้ทางเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ทำหนังสือมายังพศ.ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งถ้าหากพระรูปนี้กลับไปยังสังกัดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเรียกแล้วไม่กลับ ก็จะอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่มหาเถรสมาคมกำหนด โดยสามารถจับสึกได้เลย ตามคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตร่และพักค้างแรมตามบ้านเรือน พ.ศ.2521 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505

โดยข้อ 4 ระบุห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตรไปในที่ต่างๆ โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ข้อ 5 ห้ามภิกษุสามเณรพักค้างแรมตามบ้านเรือนติดต่อกันเกินสมควรโดยไม่จำเป็น
(1) ในกรณีที่ภิกษุสามเณรรูปนั้นมีหนังสือสุทธิโดยถูกต้อง ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะเจ้าของท้องที่แล้วแต่กรณี แนะนำภิกษุสามเณรรูปนั้นให้กลับสำนักเดิม พร้อมกับรายงานเจ้าอาวาสเจ้าสังกัดทราบ โดยผ่านเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดของภิกษุสามเณร รูปนั้น
(2) ในกรณีที่ภิกษุสามเณรรูปนั้นเมื่อสอบสวนแล้ว ปรากฏว่ามีหนังสือสุทธิปลอม ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะเจ้าของท้องที่ดำเนินการให้ภิกษุสามเณรรูปนั้นสละสมณเพศแล้วมอบตัวให้ฝ่ายบ้านเมืองดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกับรายงานเจ้าคณะตามลำดับ จนถึงมหาเถรสมาคม

ด้านนางสมบัติ พงษ์พรต เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสระบุรี เผยว่าขณะรี้ทางพศจ.สระบุรีได้แจ้งเบาะแสพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระภิกษุรูปดังกล่าว ไปยังเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาซึ่งก็ผ่านมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ทางพศจ.สระบุรีจะเร่งติดตามเร่งรัด คาดว่าอย่างช้าไม่น่าจะเกิน 7 วันจะทราบผล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง