เดินนำหน้า แบกไฟนั่นไงเขย มีหน้าที่ในการช่วยนำเดินทาง ตายจากร่างสู่ดินสิ้นตัวตน แม้ร่างตนเขาช่วยขนไม่บ่นไม่ว่า โอ้ว่าท่านคือเขยผู้นำทางผู้ตายสู่สวรรค์ สิ่งตอบแทนให้กำลังใจเมื่อเสร็จงาน คือการทานอาหารร่วมกัน "ไก่เขย" ห้ามดูแล ห้ามสนใจ ห้ามย้าย ห้ามจับ ห้ามยุ่ง แล้วถ้ามีใครไปเคลื่อนย้ายละจะเกิดอะไรขึ้น??? ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า วัฒนธรรมของชาวผู้ไท หรือภูไทนั้นให้ความสำคัญกับพิธีกรรมและเชื่อทำตามมาโดยตลอด แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนความเชื่อเหล่านี้ยังอยู่และถ่ายทอดมาตลอด เพราะถ้าหากมีใครทำผิดหรือละเลยไป เชื่อว่าจะส่งผลมาถึงคนที่อยู่ จึงไม่มีใครฝ่าฝืน การตายคือการสิ้นสุด ตายจากโลกนี้ เพื่อเริ่มเดินทางไปในโลกใหม่ สิ่งสุดท้ายที่คนอยู่จะทำให้กับผู้ที่จากไปแสดงถึงความรักจึงเป็นสิ่งที่ดี ทำหน้าที่เขยของตระกูลสู้อย่างสุดใจ เมื่อเสร็จหน้าที่ตน โอ้เจ้าเขยทุกคนมองหาถาด เครื่องถ้วยด้วยหิว จับไก่ต้มจากหม้อ ซั่วใส่ใบมะขาม ปรุงรสตามความอร่อย แน่นอนว่า พิธีกรรมเป็นสิ่งที่ชาวบ้านเชื่อและทำต่อกันมาอย่างยาวนานวันนี้จะมาเล่าเกี่ยวกับเรื่องของการต้มไก่เขย ที่จะต้มตั้งแต่เช้า ของวันที่จะนำศพของผู้ตายไปทิ้งป่า ศพที่ว่านี้คือศพที่ตายโหง และจะเหมือนกันกับการต้มไก่เขยของการตายปกติ จะมีการต้มในตอนเช้า ซึ่งในการต้มนั้นมีข้อห้ามและความเชื่ออยู่หลายอย่างเช่นกัน ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะร้อน หรืออะไรจะเกิดขึ้นจงจำไว้ว่าห้ามใครมายุ่งกับไข่ของเขย เช้าของวันฌาปนกิจศพ ในตอนเช้าทางเจ้าภาพหรือญาติของผู้ตาย จะต้องทำการต้มไก่เขยหนึ่งตัว วิธีการต้ม จะต้องต้มจะต้มใส่เตาไฟ นิยมด้วยฟืนหรือถ่านจะไม่นิยมต้มด้วยเตาแก๊ส ถ้าหากต้มในแก๊สจะต้องมีการยกหม้อหรือขยับหม้อเพราะในงานมีการทำอาหารเลี้ยงแขกในงาน อาจจะมีคนหลงลืมไปจับหรือยุ่งกับไก่ต้ม การต้มไก่เขยจึงได้แยกเป็นสัดส่วน เพื่อให้พ้นสายตาและต้องมีคนคอยเฝ้าดูแลความปลอดภัย เพราะถ้าหากมีคนมายุ่งจะเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครสามารถรู้ได้ วิธีการต้ม จะต้มและปล่อยไว้อย่างนั้นไม่ต้องไปสนใจ พอถึงวันที่จะนำศพไปก็จะมีคนคอยดูแลเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ต้องตื่นขึ้นมาต้มตอนเช้าไก่หนึ่งตัว ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นไก่แบบไหน ต้มแล้วปิดฝาไว้ ความเชื่อของชาวภูไทให้ความสำคัญกับเขยมาก ในเรื่องพิธีกรรมของการตาย เขยต้องเป็นคนทำในทุกขั้นตอน ความคิดแรกที่ผู้เขียนคิดน่าจะเป็นเพราะว่าเขยนั้นเป็นชายด้วย การตายสมัยก่อนนั้นไม่มีการเผาในเมรุ การเผาศพจะใช้กองฟอนเมื่อมีการตายเกิดขึ้น ทุกคนในหมู่บ้านจะต้องหยุดกิจกรรมที่ตนเองทำ เช่น การขนฟืนเข้าบ้าน และจะมาร่วมงานพร้อมหน้าในญาติของผู้ตายทั้งทางฝ่ายหญิงฝ่ายชาย เพราะถือว่าเป็นดอง เป็นครอบครัวเรียบร้อยแล้ว การต้มไก่แบบไม่ต้องใส่ ไม่ต้องปรุงอะไรทั้งสิ้น ใส่เพียงน้ำแล้วต้องคอยสุมไฟ เมื่อครั้นสมัยก่อนนั้นน่าจะเป็นเพราะว่ามีไม้ฟืนใหญ่ ใส่ครั้งเดียวทำให้ไก่สุก แต่ในปัจจุบันเราใช้ถ่านอาจจะมีการเติมไฟบ้าง การต้มส่วนใหญ่ต้มใส่เตาฟืนหรือถ่าน ไม่นิยมต้มด้วยแก๊ส เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีคนมาหยิบจับ ย้ายที่ไปหรือจะมีคนมาจับมาแตะต้อง จึงไม่นิยมต้มในที่ที่มีคนพลุกพล่าน อย่างเช้นครัว บางบ้านต้มที่ข้างบ้าน หน้าบ้านมีคนเฒ่าคนแก่นั่งเฝ้า การต้มนั้นจะไม่มีการต้มครั้งที่สอง ต้มเพียงหม้อเดียวไก่ตัวเดียวจบ ชาวภูไทนั้นเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นคนกลุ่มใหญ่มาก รองลงมาจากกลุ่มไทยลาวซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วความเชื่อหลายอย่างของคนภูไทนั้นมีความเชื่อในเรื่องของผีที่เหมือนกันกับคนลาว ความเชื่อที่ทำสืบต่อกันมาแบบไม่มีการสงสัย พอเราถามในเรื่องของไก่ "ถ้าหากว่ามีคนมายุ่งกับไก่เขยก่อนที่จะเสร็จพิธีจะเกิดอะไรขึัน คำตอบของยายที่แก่ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิก็ได้ตอบว่า "ตลอดช่วงอายุของยายนั้นไม่เคยมีใครมายุ่งกับไก่เขย เก้าสิบปี เลยไม่รู้ว่าถ้ามีการมายุ่งกับไก่เขยจะเกิดอะไรขึ้น ความเชื่อในเรื่องไก่ของคนชาวภูไทนั้นมีความเชื่อว่า ไก่นั้นจะช่วยในการจิกสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามาหาเราจึงมีการนำไก่มาร่วมในหลายๆ พิธีตามความเชื่อ เราอาจจะบอกว่าสาเหตุที่นำไก่มาเพราะว่าราคาของไก่หรือไม่ที่สามารถที่จะซื้อได้ ส่วนหม้อที่นำมาต้มนั้นต้องเป็นหม้อของเจ้าของบ้าน หม้อที่ใช้ต้มเพียงไก่ต้มตั้งแต่เช้าจนถึงเขยกลับมาจากเผาศพ กวาดบ้าน หม้อต้องมีความแข็งแรงและทนทาน ไก่จากหม้อนั้น ไก่ต้มทั้งตัวไม่มีการปรุงรสชาติอะไร เขยกลับมากวาดบ้านจะต้องมาทำอาหารช่วยกัน ข่วยกันฉีกช่วยกันปรุง คนอื่นที่ไม่ใช่เขยห้ามเข้ายุ่งกับไก่ แม้แต่การฉีกก็ไม่ได้ และไก่นั้นจะต้องทานให้หมดไม่ให้เหลือ เครื่องปรุงต่างๆ ตะถูกจัดวางไว้ให้ ซึ่งอาหารที่ทำคือซั้วไก่อาหารพื้นบ้านของชาวภูไท ที่ไม่ว่าจะชายหรือหญิงหรือเด็กสามสามารถที่จะทำได้ สำคัญคือห้ามใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว นอกจากเขย ซึ่งหนึ่งตระกูลจะมีเขยหนึ่งสองสามตามลำดับ การกินไก่เขยทุกคนก็จะต้องทานด้วยกันจนหมด และเก็บให้เรียบร้อยไม่ให้นำไปให้ใครรับประทานด้วย ไก่ที่ทำอาหารเรียบร้อยแล้ว จะมีหน้าตาประมาณนี้ ผักรสชาติเครื่องปรุงที่ช่วยไม่ให้กลิ่นคาวของไก่ออกมา สิ่งที่ใส่แล้วทำให้หอมคือตะไคร้ ใบมะกรูด ส่วนในข้าวที่นิยมทานกันนั่นคือขาวเหนียวเพราะเป็นข้าวที่ชาวบ้านชอบ ปั้นข้าวใหญ่ๆ จ้ำลงไปในอาหาร ต้องกินช่วยกันจนไม่เหลือ อาหารอื่นจะไม่มี จะต้องกินเพียงต้มไก่ถือว่าเป็นอาหารอย่างเดียวที่เวลามีการสูญเสียจะต้องมี ไม่มีการเลือกเพศของไก่ได้หมด และต้องเป็นตัวเดียว อวัยวะของไก่อยู่ครบ ตับ ไต หัวใจ ต้มด้วยหม้อและเตาไฟ ปัจจุบันส่วนมากจะใช้เตาใหม่ในการต้ม และจะใช้ถ่านในการต้ม ตามความเชื่อบอกว่า จะใส่ถ่านจำนวนมากและใส่ทีเดียว ก่อไฟใส่ถ่านไว้จากนั้นก็จะปล่อยเลยจนกว่าจะถึงเวลาที่เขยกลับมาจากเผาศพถึงจะมาทำกินกันเอง เตาไฟที่เก็บไฟไว้ได้ดี กับถ่านที่การเผาไหม้นานหรือเรียกว่าไม้เหนียวจึงถูกนำมาในการต้มไก่เขย แต่ก่อนมีคนเล่าว่าความเชื่อของชาวภูไทมีความเคร่งครัดมากกว่าปัจจุบันมาก เมื่อมีการตายเกิดขึ้นญาติหรือคนในบ้านจะหยุดการทำงานหรือขนฟืนเข้าบ้านจะไม่ทำ จากนั้นเขยทุกคนจะต้องนำไก่มาคนละตัว นำมาแล้วจะนำมาฟาดเอาเลือดใส่บันได จากนั้นก็จะนำไก่มาทำอาหาร ประหนึ่งว่าคือการนำไก่มาช่วยงาน มานอนบ้านนอนอุ่นคนในครอบครัว เพราะการสูญเสียนั้นไม่มีใครทำใจได้ในวันสองวันอย่างแน่นอน แล้วในความเสียใจจะส่งผลสุขภาพกายไม่ดีด้วย จึงไม่ควรปล่อยให้อยู่คนเดียว น้ำดื่มที่ใช้ในการดื่มในงานขาวดำนั้นจะมีเพียงน้ำเปล่าและน้ำที่มีสีดำอย่างโค๊กและแป๊บซี่ จะไม่มีน้ำแดง น้ำส้ม น้ำเขียว ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนี้ ประเพณีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมจะไม่มีวันที่เลือนหายไปอย่างแน่นอน แสดงถึงความอุ่นใจมีความสุขเมื่อได้ทำ บางครั้งคนรุ่นใหม่ที่ไม่เข้าใจจะบอกว่าสมัยนี้สมัยไหนแล้ว มัวแต่ไปเชื่อสิ่งที่เราหาคำตอบไม่ได้ สิ่งที่ทำมาเรื่อยจนกลายเป็นนิสัยแล้ว จากรุ่นส่งต่อรุ่นจนสุดท้ายแล้วบางอย่างยังคงอยู่ ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นของผู้เขียน (อุ้งเท้าแมว) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !