ทรัมป์เก็บภาษีอินเดียเป็น 25% ลงโทษซื้ออาวุธ-พลังงานจากรัสเซีย

ทรัมป์แถลงเมื่อวานนี้ (30 กรกฎาคม) ว่า สินค้านำเข้าจากอินเดีย จะเผชิญกับการเก็บภาษีศุลกากรในอัตราร้อยละ 25 พร้อมทั้งประกาศ ‘บทลงโทษ’ ที่ยังไม่ระบุรายละเอียด กรณีที่รัฐบาลอินเดียซื้ออาวุธและพลังงานจากรัสเซียด้วย 

ทรัมป์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาเพิ่มเติมด้วยว่า  มาตรการดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้ในวันศุกร์ เพิ่มเข้าไปกับการขึ้นภาษีอื่น ๆ อีกหลายรายการที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันเดียวกัน

ในการโพสต์แยกกัน ทรัมป์ระบุว่า กำหนดเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม "ยังคงแข็งแกร่งและจะไม่ขยายเวลาออกไป" หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีการชะลอการจัดเก็บภาษี “ตอบโต้” มาแล้วหลายครั้งตั้งแต่มีการประกาศครั้งแรกในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ก็ได้กำหนดอัตราภาษีพื้นฐานชั่วคราวไว้ที่ร้อยละ 10 

อย่างไรก็ตาม ภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียร้อยละ 25 จะต่ำกว่าอัตราที่ประกาศในเดือนเมษายนเล็กน้อย แต่ก็สูงกว่าอัตราภาษีของประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย ที่ได้ทำข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับสหรัฐฯไปแล้ว 

อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจหลักกลุ่มแรก ๆ ที่ร่วมมือกับรัฐบาลทรัมป์ในการเจรจาการค้าในกรอบกว้าง ๆ แต่ 6 เดือนต่อมา ข้อเรียกร้องอันกว้างขวางของทรัมป์ และความไม่เต็มใจของอินเดียที่จะเปิดภาคเกษตรกรรมและโคนมอย่างเต็มรูปแบบ ได้ขัดขวางไม่ให้อินเดียบรรลุข้อตกลงได้

ทรัมป์ระบุเพิ่มเติมว่า อินเดีย "ซื้ออุปกรณ์ทางทหารส่วนใหญ่จากรัสเซียเสมอมา และเป็นผู้ซื้อพลังงานรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ร่วมกับจีน ในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องการให้รัสเซียหยุดการสังหารในยูเครน" นอกจากการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 แล้ว อินเดียจะต้องเผชิญกับ “การลงโทษที่ระบุไว้ข้างต้น” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจน 

มาตรการเหล่านี้มีขึ้น ขณะที่ ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันวัย 79 ปีผู้นี้ ส่งสัญญาณว่า เขาตั้งใจที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียให้หยุดการสู้รบในยูเครนและเจรจาข้อตกลงสันติภาพ ซึ่งในวันอังคารที่ผ่านมา ทรัมป์ระบุว่า เขาให้เวลาประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย 10 วัน ซึ่งจะอยู่ในช่วงสุดสัปดาห์หน้า เพื่อเปลี่ยนแนวทางในยูเครน มิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับการลงโทษที่ยังไม่ระบุรายละเอียด

ส่วนรัฐบาลอินเดียระบุในแถลงการณ์ว่า ได้รับทราบถึงการตัดสินใจเรื่องภาษีการค้าทวิภาคีของสหรัฐฯ แล้ว และเสริมว่าอินเดียกำลังศึกษาถึงผลกระทบของเรื่องนี้อยู่ พร้อมให้คำมั่นว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติในการเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ