จับตา “หาดใหญ่” หลังเผชิญมหาอุทกภัย “ฝน 300 ปี” สู่การฟื้นฟูเมืองครั้งประวัติศาสตร์!

หลังเผชิญมหาอุทกภัยรุนแรงที่สุดในรอบหลาย 10 ปี อำเภอ “หาดใหญ่” ตอนนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงอย่างมีนัยสำคัญ น้ำท่วมสูงสุดกว่า 4 เมตรในบางพื้นที่ ลดลงเกือบทั้งหมด ทำให้หน่วยงานรัฐและเอกชนสามารถเร่งปฏิบัติการกู้ภัย ค้นหาผู้ประสบภัย และประเมินความเสียหายได้เต็มที่ โดยขณะนี้วาระเร่งด่วนได้เปลี่ยนจากการช่วยเหลือเฉพาะหน้าเป็นการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและเยียวยาทางเศรษฐกิจ
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากฝนสะสมระดับ “ฝน 300 ปี” ซึ่งเกินขีดความสามารถของระบบระบายน้ำเมืองหาดใหญ่ ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 2.7 ล้านคนใน 9 จังหวัดภาคใต้ โดยหาดใหญ่ถือเป็นจุดวิกฤตที่สุด ถนนเสียหายรวมกว่า 536 กิโลเมตร รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือและมาตรการทางกฎหมาย
ส่วนระดับน้ำใน “คลองอู่ตะเภา” ซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักของเมือง เริ่มลดลงต่อเนื่อง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติคาดว่าจะต่ำกว่าตลิ่งภายในวันที่ 27 พ.ย. ถนนสายหลักหลายสายสามารถสัญจรได้ รถเล็กผ่านได้ แต่พื้นที่ลุ่มต่ำยังมีน้ำสูงถึงเข่าหรือมีกระแสน้ำเชี่ยว
ยอดผู้เสียชีวิตสะสมในจังหวัดสงขลาคาดว่าจะพุ่งสูงเกิน 100 ราย ทำให้หน่วยนิติเวชและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าพื้นที่เร่งพิสูจน์เอกลักษณ์ผู้เสียชีวิต ขณะที่ประชาชนได้รับผลกระทบราว 150,230 คน บ้านเรือนเสียหายกว่า 25,102 หลังคาเรือน โรงเรียน 47 แห่ง โรงพยาบาล 8 แห่ง
ผู้เชี่ยวชาญด้านอุทกวิทยา ยืนยันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากฝนตกแช่ และปรากฏการณ์ลานีญา ปริมาณฝนสะสม 3 วันสูงถึง 630 มม. สูงกว่าฝนปี 2553 ที่ 428 มม. พื้นที่ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา แม้มีโครงการบรรเทาอุทกภัยตามแนวพระราชดำริ ก็ไม่สามารถรองรับน้ำหลากระดับนี้ได้
การเปิดเผยขีดจำกัดของระบบระบายน้ำเมืองครั้งนี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการยกระดับมาตรฐานการจัดการน้ำ เพื่อป้องกันภัยพิบัติในอนาคต ส่วนเรื่องของระบบสาธารณสุขนั้น ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ก็ยังเผชิญวิกฤตน้ำสูง 2 เมตร เลยต้องปรับแผนให้บริการ มีกองทัพอากาศสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงเวชภัณฑ์ออกซิเจน และลำเลียงผู้ป่วยหนักไปโรงพยาบาลใกล้เคียง และหลังน้ำลด สธ. จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 8 แห่ง พร้อมรถฟอกไตเคลื่อนที่และทีมแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อรองรับการเจ็บป่วยของประชาชน
ส่วนเรื่องของการสื่อสารนั้น ระดับน้ำที่สูงกว่า 3 เมตรทำให้ระบบไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์/อินเทอร์เน็ตล่มนานถึง 6 วัน การประกาศใช้พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉินช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างรวดเร็วขึ้น แต่ยังจำเป็นต้องปรับปรุงระบบบัญชาการและการสื่อสารสำรอง
มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นของภาคใต้ทั้งหมดประเมินไว้ที่ 10,000–12,000 ล้านบาท ครอบคลุมทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะโลจิสติกส์ การท่องเที่ยว ภัตตาคาร และ SMEs ทำให้ด้านธนาคารออมสินประกาศพักชำระหนี้อัตโนมัติ 3 เดือน พร้อมยกเว้นดอกเบี้ย ส่วน SME D Bank จัดสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ 3% ต่อปี วงเงินสูงสุด 15 ล้านบาท และเงินกู้ฉุกเฉินสูงสุด 200,000 บาท
ส่วนภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบกว่า 10,000 ล้านบาท สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเสนอแผนฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานให้กลับมาใช้งานได้ภายใน 45 วัน และพื้นที่ท่องเที่ยวเปิดบริการเต็มรูปแบบภายใน 60 วัน เพื่อรับนักท่องเที่ยวช่วงฤดูกาลสำคัญ
และคำเตือนสำหรับประชาชน แม้น้ำลด แต่ความเสี่ยงยังสูง โดยเฉพาะไฟฟ้าช็อต น้ำประปาไม่สะอาด และโรคระบาด กรณีการใช้ “ไฟฟ้า” ยังห้ามใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปียกน้ำ รอช่างตรวจสอบก่อนเปิดใช้งาน ส่วน “น้ำประปา”ควรต้มน้ำก่อนใช้ และติดตามประกาศจาก กปภ. สงขลา นอกจากนี้ยังต้องระวัง “โรคฉี่หนู” ระวังอาการไข้ ปวดศีรษะ และปวดกล้ามเนื้อ หากมีอาการให้พบแพทย์ทันที และต้องระวัง “สัตว์มีพิษ” เช่นงู ปลวก และยุง ต้องฉีดยาป้องกันตามคำแนะนำ
อย่างไรก็ตาม เทศบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัด Big Cleaning Day 29 พ.ย. ระดมกำลังกว่า 1,000 คน ทำความสะอาดพื้นที่และช่วยเหลือประชาชน พร้อมจ่ายค่าแรงวันละ 400 บาท เพื่อเร่งฟื้นฟู
แม้วันนี้หาดใหญ่จะยังฟื้นตัวไม่เต็มที่จากมหาอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ แต่หลายคนยังหวังว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และทำให้เมืองแห่งนี้ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ปฏิบัติการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน การช่วยเหลือประชาชน และมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจ ล้วนสะท้อนถึงความเข้มแข็งและความอดทนของคนหาดใหญ่ ซึ่งนี่ไม่ใช่เพียงเรื่องของความเสียหายมหาศาล แต่ขอให้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือสภาพอากาศสุดขั้วในอนาคตอีกด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
