ญาติตะลึง! ยาย 'เสียชีวิตจากโควิด' โผล่หน้าบ้าน แบบเป็น ๆ ทั้งที่เพิ่งจัดงานศพไป
คุณจะรู้สึกอย่างไรเมื่อหากสมาชิกในครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้ว และเพิ่งจัดงานศพไป เขากลับมาที่บ้านและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากงานศพ 2 สัปดาห์
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้นในกฤษณะตำบล ของรัฐอานธร ประเทศอินเดีย หลังจากที่ คุณยายมุกตยาลา คีรีจัมมา วัย 75 ปี ที่เสียชีวิตไปแล้วได้เดินทางกลับมายังบ้านพัก เพื่อหาครอบครัวของเธอ หลังจากที่เพิ่งจัดงานศพของเธอไปเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน
คุณยายมุกตยาลานั้นได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐบาลวิชัยวาทะ หลังจากที่พบว่าเธอนั้นติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ทว่าหลังจากนั้นเพียง 3 วันครอบครัวของเธอก็ต้องได้รับกับข่าวร้ายว่าคุณยายมุกตยาลาได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อดังกล่าวแล้ว ซึ่งสร้างความเสียใจให้กับสมาชิกภายในครอบครัวเป็นอย่างมาก
แต่ด้วยมาตรการที่เข้มงวดของโรงพยาบาล ทำให้สมาชิกครอบครัวนั้นสามารถมองเห็นร่างอันไร้วิญญาณของเธอได้จากระยะไกลเท่านั้น และหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ห่อร่างของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ทำให้ครอบครัวไม่สามารถตรวจสอบได้ว่านั่นใช่ร่างของคุณยายมุกตยาลาหรือไม่ แต่ครอบครัวก็เชื่อว่านี่คือคุณยายของพวกเขาจริง ๆ
ซึ่งหลังจากนั้นครอบครัวของเธอนำศพกลับบ้าน เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเผาศพภายในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตามแต่หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ครอบครัวของคุณยายมุกตยาลาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเธอได้เดินทางกลับมาที่บ้านในสภาพที่ปกติ เหมือนกับครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้เจอก่อนที่จะถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลไป
ก่อนความจริงทั้งหมดจะถูกเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วนั้นร่างที่ถูกเผาไปเป็นร่างของคนที่มีชื่อนามสกุลเดียวกันกับคุณยายมุกตยาลา ที่เข้ามารับการรักษาภายในช่วงเวลา และโรงพยาบาลเดียวกัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดนั่นเอง
ทั้งนี้คุณยายมุกตยาลาที่ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นก็ได้พูดอย่างน้อยอกน้อยใจว่าไม่มีใครใส่ใจที่จะไปรับเธอออกมาจากโรงพยาบาลเลย ทำให้คุณยายจะต้องใช้เงินจากกองทุนที่รัฐบาลจะมอบให้แก่ผู้รอดชีวิตจากโควิด-19 ทุกคน เป็นจำนวน 3,000 รูปีหรือประมาณ 1,290 บาท เพื่อนำมาใช้จ่ายในการเดินทางกลับบ้านเอง "ฉันไม่ได้สนเรื่องที่ครอบครัวและชาวบ้านต่างไว้ทุกข์เรื่องการตายของฉัน แต่ฉันรู้สึกโกรธมาก ๆ ที่ครอบครัวไม่ยอมมารับฉันกลับบ้าน" คุณยายมุกตยาลากล่าว
ที่มา : worldofbuzz / dailymail