Editor’s Pick : นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย ฟื้นฟูเศรษฐกิจ : เปิดสถานการณ์โควิด-19 ในไทย และมาตรการรับมือนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งสัปดาห์ หลังจากรัฐบาลไทยได้เปิดประตูต้อนรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยมีนักท่องเที่ยวจากจีนเที่ยวบินแรกเดินทางมายังประเทศไทย ด้านหนึ่งเป็นโอกาสที่คาดกันว่าไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.66) จะเดินทางเข้ามาราว 3 แสนคน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว นับเป็นความหวังสำคัญของประเทศไทยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่อีกด้านก็มีความกังวลเรื่องของการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)  ซึ่งสถานการณ์โควิดในประเทศไทยขณะนี้ แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะน้อยลงมากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความกังวลใจในหลายภาคส่วน 

เปิดสถานการณ์โควิดในไทย แพทย์ระบุ อยู่ในช่วงขาลง?

แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ทำการออกประกาศ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 เป็นต้นไป ได้ทำการยกเลิกโควิด-19 ออกจากการเป็นโรคติดต่ออันตราย และกำหนดให้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แต่สถานการณ์โควิดในประเทศไทยยังคงมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันต่อเนื่อง ด้าน ‘กรมควบคุมโรค’ รายงานสถานการณ์ผู้ป่วย COVID-19 ภายในประเทศไทยรายสัปดาห์ ระบุว่า เมื่อสัปดาห์ของวันที่ 1-7 มกราคม 2566 พบ ผู้ป่วยรายใหม่รักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 997 ราย เฉลี่ยรายวัน คือ 142 รายต่อวัน และจำนวนผู้เสียชีวิตรายใหม่ 58 ราย เฉลี่ยรายวัน 8 รายต่อวัน 

จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจีนมาร่วมสัปดาห์ จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงอยู่ในช่วงทิศทางขาลง โดย ‘ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ’ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 66 ถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ระบุว่า สถานการณ์โควิดอยู่ในขาลง และจะลงไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนพฤษภาคม เมื่อเข้าฤดูฝนก็จะพบมากขึ้นอีกเป็นระลอกขึ้นมา ทั้งนี้เพราะประชากรไทยติดเชื้อไปมากกว่าร้อยละ 70 และโรคเข้าสู่ฤดูกาล

กรมวิทย์ฯ พบสายพันธุ์ XAY.2 ลูกผสมเดลตา-โอมิครอนในไทย ย้ำ นทท. จีนเข้าไทย ไม่น่ากังวล 

อีกด้านหนึ่งเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2566 ‘นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์’ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายตรวจพบ สายพันธุ์ XAY.2 จำนวน 1 ราย ในไทย ซึ่งกรมได้ส่งข้อมูลเผยแพร่ไปยังฐานข้อมูล GISAID ทั้งนี้สายพันธุ์ XAY.2 เป็นลูกผสมระหว่าง เดลตาสายพันธุ์ย่อย AY.45 กับ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4/5* ขณะนี้ทั่วโลกพบ 344 ราย

สำหรับข้อห่วงกังวลเรื่องการพบสายพันธุ์ XAY.2 ในไทย ช่วงเดียวกับที่จะมีการรับนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามานั้น ‘นพ.ศุภกิจ’ ย้ำว่าสายพันธุ์ที่ระบาดในจีน 97% เป็นสายพันธุ์ BA.5.2 และ BF.7 ซึ่งไม่ได้เป็นสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด และไม่ได้แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ในไทย โดยย้ำว่าจีนยังไม่พบสายพันธุ์ที่น่าห่วงกังวล ดังนั้น จึงไม่มีความน่ากังวล

ภาพเศรษฐกิจไทย: ปี 66 คาดนทท.จีนเข้ามาราว 4.65 ล้านคน GDP ไทยขยายตัว 3.7%

แน่นอนว่าโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจไทยซบเซาลงไปเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านของการท่องเที่ยว และการส่องออกสินค้า การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน หนึ่งในความหวังและสัญญาณที่ดีในการกลับมาพร้อมกับกำลังซื้อที่จะสามารถทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง โดย ‘ศูนย์วิจัยกสิกรไทย’ คาดว่า ในปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยราว 4.65 ล้านคน ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ราว 25.5 ล้านคน ขณะที่การส่งออกโดยรวมหดตัวลดลงมาอยู่ที่ -0.5% เนื่องจากการส่งออกสินค้าไปจีนโดยเฉพาะในหมวดสินค้าผู้บริโภคคาดว่าจะขยายตัวมากขึ้น

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ขึ้นมาอยู่ที่ 3.7% จาก 3.2%  เนื่องจากผลบวกต่อภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกไทย

จีนเผยท่องเที่ยวขาเข้า-ขาออกฟื้นตัว

แน่นอนว่า ‘ประเทศไทย’ เป็นหนึ่งในตัวเลือกของชาวจีนในการเดินทางมาท่องเที่ยวหลังจากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว สำนักข่าวซินหัว รายงานข้อมูลจากทริปดอตคอม กรุ๊ป (Trip.com Group) หรือซีทริป (Ctrip) โดยระบุว่า เที่ยวบินที่มาจากหรือมุ่งหน้าสู่เขตบริหารพิเศษมาเก๊าของจีน เขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน กรุงเทพฯ สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ และพนมเปญ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในหมู่ลูกค้าบนแผ่นดินใหญ่ของจีน นับตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. เป็นต้นมา

ด้าน ‘ไต้ปิน’ ประธานสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน เปิดเผยว่า ตลาดการท่องเที่ยวขาเข้าและขาออกของจีนฟื้นตัวอย่างมั่นคงและค่อยเป็นค่อยไปในช่วงต้นปี 2023 

เปิด ‘มาตรการสาธารณสุข’ จากกรมควบคุมโรค สำหรับชาวต่างชาติ

‘มาตรการสาธารณสุข’ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ยังเกิดทำให้ความกังวลในหลายภาคส่วน ว่าจะมีการรับมืออย่างไรต่อนักท่องเที่ยวจีน ‘กรมควบคุมโรค’ ได้มีการออกมาตรการในการเดินทางเข้าประเทศไทย สำหรับชาวต่างชาติ ไว้ดังนี้

1. ยกเลิกข้อกําหนดตรวจเอกสารรับวัคซีน ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย

2. ผู้เดินทางที่มาจากประเทศที่กําหนดให้มีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนจะเดินทาง ออกจากประเทศไทย จะต้องมีประกันสุขภาพวงเงินไม่น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ครอบคลุมการรักษาโควิด 19 ตลอดช่วงระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทยและบวกเพิ่มอีก 7 วัน ทั้งนี้ สาหรับผู้มาประกอบการกิจ รวมถึงลูกเรือ นักเรียน อาจใช้หนังสือรับรอง จากหน่วยงานเจ้าภาพ หรือเอกสารแสดงถึงการมีประกันรูปแบบอื่นรับรองแทน และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อจะสุ่มตรวจเอกสารรับรองประกันสุขภาพ ของผู้เดินทางจากประเทศดังกล่าว หากพบว่าไม่มีเอกสารประกันสุขภาพ ผู้นั้นจะต้องซื้อประกันสุขภาพก่อนเข้าเมือง

3. ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทย และผู้โดยสารที่เปลี่ยนเครื่องหรือต่อเครื่อง ได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบเอกสารประกันสุขภาพ

4. สายการบินต้องยึดตามข้อกําหนดที่เกี่ยวข้องและปฏิบัติตามคู่มือ แนวทางตามความเหมาะสม เช่น ขอให้ผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากตลอดการเดินทาง ยกเว้นช่วงรับประทานอาหาร หรือในภาวะฉุกเฉิน

5. ผู้โดยสารที่มีอาการของโรคโควิด 19 ระหว่างการเดินทาง ได้รับการแนะนําให้รับการตรวจโควิด 19 เมื่อเดินทางมาถึงจุดหมาย

ภาพ TNNOnline