PTT แจ้งผลคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีข้อพิพาทกับ"อาร์พีซีจี"

ทันหุ้น-บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2564 ศาลแพ่งนัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา จากกรณีข้อพิพาทกับบริษัท อาร์พีซีจี จำกัด(มหาชน)หรือ RPCG โดยสรุปได้ดังนี้

1. ข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 114/2552 หมายเลขแดงที่ 23/2559 ศาลฏีกามีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลแพ่งให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ คดีถึงที่สุดเป็นผลให้ ปตท. ต้องจ่ายเงินให้แก่ RPCG เป็นจำนวนประมาณ 2,200 ล้านบาทภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา 

2.ข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 78/2555 หมายเลขแดงที่ 37/2560 ศาลฏีกา มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลแพ่งให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ คดีถึงที่สุด เป็นผลให้ RPCG ต้องจ่ายเงินให้แก่ ปตท. เป็นจำนวน 2,800 ล้านบาท ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา

ปตท.จัดได้ดำเนินการใช้สิทธิหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่ ปตท. ต้องขำระแก่ RPCG ในข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 114/2552 หมายเลขแดงที่ 23/2559 ดังกล่าวต่อไป 

ทั้งนี้ข้อพิพาทระหว่าง ปตท.กับ RPCG โดยข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 114/2552 หมายเลขแดงที่ 23/2559 นั้น RPCG เรียกร้องให้ ปตท. จ่ายค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญา โดยไม่มีสิทธิ ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการเสียงข้างมากมีคำชี้ขาดให้ ปตท. จ่ายค่าเสียหายในอัตรา 390 ล้านบาทต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2555 จนถึงวันที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาด(25 มี.ค.2559) คิดเป็นเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี ของยอดเงินค่าเสียหายที่ได้จากการคำนวณข้างต้น 

นับตั้งแต่วันที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดจนถึงวันที่ ปตท.ชำระเงินครบถ้วน และต่อมา ปตท.ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดต่อศาลแพ่งและ RPCG ยื่นคำร้องขอให้บังคับตามคำชี้ขาดต่อศาลแพ่ง และเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2562 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ปตท.จึงใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อศาลฏีกาดังกล่าว 

ส่วนข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 78/2555 หมายเลขแดง 37/2560 ปตท.เรียกร้องค่าผลิตภัณฑ์ค้างชำระจาก RPCG ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดโดยมติเอกฉันท์ให้ RPCG จ่ายเงินจำนวน 1,555.27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา 9.375% ต่อปี คิดจากต้นเงินจำนวน 1,518.11 ล้านบาท นับถัดจากวันยื่นคำเสนอข้อพิาท(18 พ.ค.2555) จนกว่าจะชำระเสร็จ และต่อมา ปตท.ยื่นคำร้องขอบังคับตามคำชี้ขาดต่อศาลแพ่ง และ RPCG ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดต่อศาลแพ่ง และเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2562 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ปตท.จึงใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อศาลฏีกาดังกล่าว