AI เขย่าวงการครีเอทีฟ ! ถกอนาคตอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในยุคปัญญาประดิษฐ์

ในปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถสร้างงานศิลปะได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น แต่ความสะดวกเหล่านี้กำลังพาเราเข้าใกล้หรือห่างจาก “หัวใจของความเป็นครีเอทีฟ” กันแน่ ?

คำถามนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียง โดยผู้เชี่ยวชาญจากหลายแขนง บนเวทีเสวนาหัวข้อ “AI in Creative Industries” ในงาน AI Innovation Summit 2025 เพื่อถอดบทเรียนจากการทำงานจริงในอุตสาหกรรม สร้างสรรค์ว่า AI กำลังเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน และคุณค่าของศิลปะอย่างไร

เวทีเสวนาครั้งนี้ยังสะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การนำเสนอผลงาน ไปจนถึงการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ ก่อนจะลงลึกถึงประสบการณ์จริงจากแต่ละสาขาอาชีพ

เริ่มจากฝั่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์และแอนิเมชัน จั๊ก สุภณวิชญ์ สมสมาน ผู้ก่อตั้ง The Monk Studio ชี้ว่า การยอมรับ AI แตกต่างกันชัดเจนในแต่ละตลาด โดยฮอลลีวูดยังหลีกเลี่ยงหรือแม้แต่ต่อต้านการใช้งาน ขณะที่จีนกลับยกระดับ AI เป็นมาตรฐานใหม่ของการผลิตงานสร้างสรรค์ พร้อมนิยามการใช้ AI ในสตูดิโอว่าเป็นการทำงานแบบ “ใต้ฝากระโปรง” (Under the Hood) ให้ AI ช่วยทำงานเบื้องหลัง ลดเวลาและเร่งกระบวนการได้ราว 70% ส่วนอีก 30% ยังต้องอาศัยสายตา ประสบการณ์ และการตัดสินใจของมนุษย์ ซึ่งเป็นจุดที่ AI ยังทดแทนไม่ได้

ด้านงานเสียงและดนตรี ดร.แมทเธียส จุง นักวิจัยด้านเสียงสามมิติ (3D Audio) และอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มองว่า AI ไม่ได้มีบทบาทแค่การสร้าง คอนเทนต์ แต่ช่วยเปิดพื้นที่ให้เกิด “ประสบการณ์ร่วม” ระหว่างศิลปินกับผู้ฟัง ตั้งแต่การใช้ข้อมูลการ ฟังแบบเรียลไทม์ไปจนถึงการออกแบบการแสดงสดที่ผู้ชมมีส่วนร่วม พร้อมย้ำว่าการเข้าใจโครงสร้าง AI และอัลกอริทึม สำคัญกว่าการพึ่งพาเครื่องมือสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียว

ขณะที่ แม็กซ์ ณัฐวุฒิ เจนมานะ นักดนตรีและโปรดิวเซอร์ เจ้าของ FreqOut Production สะท้อนว่า แม้ AI จะสามารถสร้างเพลงที่มีคุณภาพในระดับที่สามารถออกอากาศได้ภายในไม่กี่นาที แต่สิ่งที่ยังขาดคือ “เรื่องราวและประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์” เขามองว่าศิลปินในยุค AI จำเป็นต้องกลับไปขุดรากของศิลปะ ใช้การตั้งคำถาม การเรียนรู้ และประสบการณ์จริงเป็นเข็มทิศเพื่อให้ AI เป็นเพียงเครื่องมือช่วยสร้างสรรค์ ไม่ใช่ผู้กำหนดตัวตนของงาน

จากมุมมองของผู้ร่วมเสวนา คำตอบอาจไม่ใช่ว่า AI พาเราเข้าใกล้หรือห่างจากหัวใจของความเป็นครีเอทีฟ แต่ขึ้นอยู่กับวิธีใช้งานมากกว่า เวทีนี้สะท้อนตรงกันว่า AI  ควรถูกวางบทบาทเป็นเครื่องมือที่ช่วย ลดภาระเชิงเทคนิค เร่งกระบวนการผลิต และเปิดพื้นที่ใหม่ของการสร้างสรรค์ ขณะที่ “แก่น” ของงาน ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเชิงศิลป์ เรื่องราว ประสบการณ์ และอัตลักษณ์ของศิลปิน ยังคงเป็นหน้าที่ของมนุษย์ เมื่อ AI ทำงานแทนคนได้มากขึ้น 

จุดยืนของครีเอทีฟจึงไม่ใช่การแข่งขันกับเทคโนโลยี แต่คือการยึดหัวใจของงานไว้ให้มั่น และใช้ AI เป็นแรงเสริมเท่านั้น ไม่ใช่ผู้กำหนดตัวตนของผลงาน

สำหรับเวทีเสวนา “AI in Creative Industries” เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของงาน AI Innovation Summit 2025 งานประชุมด้านปัญญาประดิษฐ์ที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายอุตสาหกรรม ครอบคลุม ทั้งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ความยั่งยืน การศึกษา มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและถอดบทเรียนการใช้งาน AI ในโลกจริงไปจนถึงทิศทางอนาคตของประเทศไทย โดยงานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ณ Club Siam Glowfish