ในการเตรียมตัวสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในแต่ละปี นักเรียนเตรียมสอบส่วนใหญ่มีหนังสือแบบฝึกหัด ตลอดจนข้อสอบเก่ามากมายหลายชุดเพื่ออ่าน และฝึกฝนการแก้โจทย์ปัญหาของตนเอง นอกจากนี้ นักเรียนเตรียมสอบอีกหลายคนที่เคยสอบมาแล้วในปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะรู้จุดบกพร่องของตัวเองได้ดี แต่น้อง ๆ เหล่านี้ยังทำคะแนนทดสอบระหว่างการเตรียมตัวสอบไม่ดีขึ้นเลย นั่นเป็นเพราะ "น้องไม่เริ่มต้นที่พื้นฐานที่ดี" นั่นเองยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า ถ้าทั้งน้องและพี่ต่าง "ขับรถไม่เป็น" แต่เราทั้งสองคนอยาก "ขับรถให้เก่ง" แน่นอนว่า เราทั้งสองคนต้องไปหัดขับรถมาก่อนและต้องสอบใบขับขี่ให้ผ่านด้วย เมื่อเราสองคนสอบใบขับขี่ผ่านแล้ว แสดงว่า "เราขับรถเป็น แต่ไม่ได้ขับรถเก่ง" ทีนี้เมื่อน้องสอบใบขับขี่ได้ แต่น้องไม่เคยขับรถออกไปไหนเลย ปีหนึ่ง ๆ ขับสักสองครั้ง ผิดกับพี่ที่ขับรถออกถนนทุกวัน เจออุบัติเหตุบ้าง เกือบชนรถชาวบ้านบ้าง โดนตำรวจเรียกบ้าง ชนท้ายรถชาวบ้านบ้าง แต่เชื่อเถอะว่า เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี "พี่ขับรถเก่งกว่าน้องแน่นอน" เพราะพี่ขับรถทุกวันสิ่งที่พี่เล่ามา เมื่อมองให้เป็นรูปธรรมแล้ว หมายความว่า ถ้าน้องต้องการทำข้อสอบให้ได้ นั่นคือ น้องต้องการขับรถเก่งในขณะที่น้องยังขับรถไม่เป็น = น้องไม่มีพื้นฐานความรู้ในการทำข้อสอบเรื่องนั้น ๆ (ตัวอย่างเช่น วิชาคณิตศาสตร์ อ่านโจทย์ปุ๊บ น้องต้องรู้เลยว่า มันคือโจทย์คำถามเรื่องอะไร เนื้อหาอยู่ในระดับชั้นมัธยมปีที่เท่าไร โจทย์นำเสนอข้อมูลและถามคำถามอะไร วิธีแก้โจทย์ปัญหาคืออะไร และจะต้องใช้เวลาไม่เกิน 3 - 4 นาที เพื่อจะเคลียร์โจทย์ข้อนี้ให้ได้ ซึ่งจะทำได้สำเร็จหรือไม่ ?) ถ้าน้องทำแบบนี้ไม่ได้ พี่บอกได้คำเดียวว่า "มันจบแล้วครับ" น้องต้องไป "อ่านพื้นฐาน" มาใหม่ทั้งหมดเลย ซึ่งก็คือ การอ่านหนังสือเรียนนั่นเอง น้องต้องอ่านเนื้อหาและฝึกทำแบบฝึกหัดท้ายบท เพื่อจะได้รู้ว่า เนื้อหาในบทนั้น ๆ ตั้งใจจะสื่ออะไรให้กับเรา ถามว่าอ่านกี่รอบจึงจะดี คำถามนี้ตอบแบบชัดเจน 100% ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับศักยภาพในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล แต่สำหรับตัวพี่ พี่ให้เครดิตกับตัวเองไว้ 5 รอบเป็นอย่างน้อยครับ และพอย้อนกลับไปที่การทำข้อสอบแล้ว เราก็ต้องรู้ว่าคนออกข้อสอบวิชานั้น ๆ เขากำลังคิดอะไร? แล้วเราคิดไปในแนวทางเดียวกับเขาหรือไม่?เล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนเพิ่งถึงบางอ้อ หลายคนทำตะลุยโจทย์มามากมาย หลายคนทำข้อสอบมาเป็นปี ๆ แต่ไม่เคยทำคะแนนทดสอบให้ดีขึ้นได้เลย ตอนนี้หลายคนรู้ตัวแล้วว่า "ที่ทำข้อสอบได้ไม่ดี เพราะไม่มีพื้นฐานที่ดีนั่นเอง"นอกจากการอ่านหนังสือเนื้อหาพื้นฐานแล้ว พี่ขอแนะนำให้ทำแบบฝึกหัดท้ายบทให้หมดทุกข้ออีกด้วย มันช่วยได้มากนะน้อง เพราะมันเรียงลำดับเนื้อหาจากง่ายไปยาก และจากบทแรก ๆ ไปสู่บทที่ยากขึ้น ๆ ต่อไปข้อสอบเก่าที่หลายคนถืออยู่ในมือ และมีความคิดว่า "ทำข้อสอบเก่าแสนข้อ สอบติดชัวร์" ตอนนี้มันกลายเป็น "ไม่ชัวร์" เสียแล้ว ถ้าน้องไม่เข้าใจพื้นฐานของมันอย่างถ่องแท้ น้องทำไปเถอะ ยิ่งทำยิ่งงง คะแนนก็ไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย จะทำโจทย์ไปแสนข้อหรือ 100 ล้านข้อก็ตาม ถ้าน้องไม่เรียนรู้เนื้อหาทั้งหมดให้เข้าใจตั้งแต่พื้นฐาน และไม่มีพัฒนาการทางความคิดในการแก้ปัญหาให้เกิดขึ้นมาแล้ว ยังไงก็สอบไม่ติดครับสุดท้าย พี่ขอฝากถึงทุกคนว่า มนุษย์ไม่ได้เรียนรู้จากความสำเร็จ แต่เรียนรู้จากความผิดพลาด เราล้มตั้งกี่ครั้งกว่าจะขี่จักรยานได้ แต่พอเราขี่จักรยานได้และหัดขี่จนเก่งแล้ว เราก็ไม่มีวันลืม จริงไหมครับ ?เรียนรู้พื้นฐานให้มากที่สุดโดยบริหารเวลาให้ได้ พื้นฐานของเรื่องนั้น ๆ ต้องแน่นมาก ๆ เสียก่อน จึงจะไปตะลุยโจทย์ข้อสอบเก่าที่เคยถูกใช้ออกข้อสอบจริงได้ ทีนี้เมื่อน้องเริ่มทำข้อสอบเก่าแบบจับเวลาเมื่อไหร่ จงเรียนรู้กับมันให้ได้มากและเร็วที่สุด เพราะน้องมีเนื้อหา 7 วิชา วิชาละ 4 ปี หรือ 8 เทอม เยอะมหาศาลนะครับ อ่านพื้นฐานทั้งหมดให้เข้าใจก่อนแล้วจึงมาตะลุยโจทย์ โดยเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดนี้ก่อนจะลงสนามสอบ เป็นเครื่องวัดชั้นดีที่จะบอกกับทุกคนว่า "แล้วคอยดูใครจะเจ๋งกว่ากัน"เราจะสอบติดหรือไม่ 99% อยู่ที่ตัวของน้องเอง โชคดีทุกคนครับพี่แฮท @ THAI CADET เตรียมทหาร 37 เรืออากาศ 44