จากข่าวอี เซ-ดล อดีตแชมป์โกะหรือหมากล้อมสัญชาติเกาหลีใต้ ได้ประกาศวางมือพับกระดานโกะออกจากวงการ เพราะแพ้ต่อการแข่งโกะ ลำพังแค่แพ้จะเป็นอะไร แต่การแพ้หนนี้มีมากกว่าแค่การแพ้ธรรมดา เพราะที่แพ้นั่น คู่ต่อสู้ไม่ใช่คน แต่เป็น AI ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน คงจำข่าวคราวศึกแข่งขันหมากล้อมระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์ชื่อ ‘AlphaGo’ ที่นับว่าเป็น AI จากบริษัท DeepMind ของกูเกิลได้ ตัวนี้แหละที่แชมป์โกะมนุษย์แท้ๆ แพ้ไป 4-1 และแพ้เรื่อยมา จนปีสุดท้าย อีเซ-ดล ถูก AI กินรวบแทบจะหมดกระดาน ทำให้เขาต้องยอมแพ้ไปในที่สุด อีเซ-ดล ยังประกาศอีกว่า ถึงแม้ว่าเขาจะได้เป็นอันดับหนึ่ง แต่มันยังมีสิ่งที่ไม่เขาสามารถเอาชนะได้อยู่ นอกจากนี้ระยะหลังๆ เราจะได้ยินกระแสการถูก AI หรือ Artificial Intelligence เข้ามาแทรกซึมอยู่ในทุกวงการ ทั้งภาคการศึกษา ภาคบริการ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตจนโรงงานต้องทยอยปลดคนงานออกไปนับไม่ถ้วน ภาพจาก unsplash นั่นยิ่งตอกย้ำว่า AI มาแน่ นี่อาจเป็นผลพวงของการมาของโลกในยุค Disruptive สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่า AI จะเป็นลบ แต่หากมองอย่างเป็นธรรม AI เองก็มีคุณูประการอยู่ไม่น้อย AI ไม่ผิด AI กับวงการแพทย์ .. ทำให้เราเข้าใจและรู้ว่าโรคต่างๆ อุบัติมาได้อย่างไร และทำให้เราเข้าใจอาการต่างๆ ที่หลากหลายของโรคมากยิ่งขึ้น รวมถึง AI จะเข้ามามีส่วนในการพัฒนาวงการยา และการรักษาโรคต่างๆ ได้ดีกว่าก่อน ภาพจาก unsplash AI กับวงการการตลาด .. จะช่วยขยายฐานการตลาดแบบประหยัดงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทใหญ่ที่มีข้อมูลลูกค้าหรือฐานข้อมูลต่างๆ จำนวนมหึมา หรือบิ๊กเดต้า AI จะทำการประมวลผข้อมูลให้ในระยะเวลาอันสั้น AI กับวงการโลจิสติก .. มีการใช้ AI เพื่อการจัดส่งสินค้า โดย AI จะคำนวนหาเส้นทางที่ดีที่สุด หลีกหนีเส้นทางที่มีปัญหาจราจรหนาแน่น และพบว่าช่วยลดต้นทุนได้ดี AI กับสิ่งแวดล้อม .. เป็นการใช้ AI ประมวลผลเพื่อประกอบการตัดสินใจ (data-driven decision) ว่าจะรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป (climate change) อย่างไรจึงจะเหมาะสม รวมถึงการจัดการภัยพิบัติต่างๆ ด้วย ภาพจาก unsplash AI ได้เข้ามาใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิดมาก และแม้ว่าทุกอย่างจะมีสองด้าน มองให้เห็นประโยชน์จาก AI และปรับตัวให้ทันกันโลกยุคหักศอก และใช้สิ่งนั้นให้เป็นโอกาส นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่เราจะอยู่รอดได้ และจะไม่มีคำว่า ใครผิด ใครถูก ภาพปกจาก pexels