รีเซต

"เอเซียพลัส" มองบวก SPRC ปิดดีล ซื้อปั๊มคาลเท็กซ์ เพิ่มมูลค่า 0.5-1.0 บ./หุ้น

"เอเซียพลัส" มองบวก SPRC ปิดดีล ซื้อปั๊มคาลเท็กซ์ เพิ่มมูลค่า 0.5-1.0 บ./หุ้น
ทันหุ้น
4 มกราคม 2567 ( 15:19 )
61

#ทันหุ้น-บล.เอเซียพลัส หรือ ASPS ส่องหุ้น SPRC ประกาศเข้าลงทุนแล้วเสร็จในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ซึ่งประกอบด้วยธุรกรรม 1) เข้าซื้อหุ้น 100% ของบริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) จำกัด, 2) เข้าซื้อหุ้น 9.91% ในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline), และ 3) เข้าลงทุนซื้อหุ้น 49% ในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ 2 บริษัท เพื่อดำเนินการซื้อที่ดินสำหรับใช้ประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม อย่างไรก็ตาม SPRC ได้ให้ Guideline กำไร (ขาดทุน) ก่อนภาษีของบริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ และปันผลรับจาก Thappline เท่านั้น ซึ่งจะรับรู้ตั้งแต่ Q1/67 เป็นต้นไป 

 

ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ของ SPRC โดยจะเป็นการต่อยอดจากธุรกิจโรงกลั่นไปสู่ธุรกิจปลายน้ำ คือ ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน และสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการเข้าถึงฐานลูกค้าปลายทางในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม อีกทั้ง จะช่วยให้ SPRC รับรู้รายได้และกำไรจากการเข้าลงทุนดังกล่าวเข้ามาได้ทันทีตั้งแต่ Q1/67 เป็นต้นไป และเป็นส่วนช่วยกระจายสัดส่วนรายได้ เพื่อลดการพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่จากกลุ่ม Chevron ลงได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังคาดหวังประโยชน์จากการเกิด synergy ใหม่ๆ ซึ่งคาดจะก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากร รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ร่วมกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

ในส่วนของรายละเอียดธุรกรรมดังกล่าว จะประกอบด้วย 1. การเข้าซื้อหุ้น 100% ของบริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) จำกัด (บริษัทเป้าหมาย) จาก 1) Chevron Asia Pacific Holdings Limited (CAPHL),2) CT Nominee Holdings (I) LLC (CTN1), และ 3) CT NomineeHoldings (II) LLC (CTN2) ซึ่งประกอบธุรกิจดำเนินงานด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม รวมถึงสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ คาลเท็กซ์ (Caltex) และแบรนด์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง 

 

โดยปัจจุบันมีสถานีบริการกว่า 427 แห่งในประเทศ ซึ่งมีการดำเนินการทั้งในรูปแบบผู้ค้าปลีกเป็นเจ้าของและเป็นผู้ดำเนินการ (retailer-owned and retailer-operated : RORO) กว่า 403 แห่ง และรูปแบบบริษัทเป็นเจ้าของ และดำเนินงานโดยผู้ค้าปลีก (company-owned and retailer-operated : CORO) กว่า 24 แห่ง ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ราว 5% ของผู้ให้บริการสถานีค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทย

 

2.การเข้าซื้อหุ้น 9.91% ในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) จาก CAPHL ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดจำหน่ายน้ำมันทางระบบท่อส่ง 3. การเข้าซื้อหุ้น 49% ในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ 2 บริษัท เพื่อดำเนินการซื้อที่ดิน 19 แปลงสำหรับใช้ประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จากบริษัทสตาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (SHC) โดยมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดจะเท่ากับผลรวมของ (1) เงินลงทุน 90 ล้านเหรียญฯ (ราว 3.2 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นค่าตอบแทนของการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเป้าหมาย, Thappline, และบริษัทใหม่ เป็นเงิน 16.8, 45.0, และ 28.2 ล้านเหรียญฯ (ราว0.6, 1.6, และ 1.0 พันล้านบาท) ตามลำดับ (2) มูลค่าของเงินทุนหมุนเวียนสุทธิตามจริงของบริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ณ วันที่ธุรกรรมเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวเสร็จสิ้น (Closing Date) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผย แต่หากอ้างอิงมูลค่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 จะอยู่ที่ 65.8 ล้านเหรียญฯ (ราว 2.4 พันล้านบาท) 

 

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างสอบถามรายละเอียดดังกล่าวเพิ่มเติมกับทาง SPRC โดยจะทบทวนประมาณการและมูลค่าพื้นฐานใหม่ และจะนำเสนอในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยหากอิงกำไร (ขาดทุน) ก่อนภาษีของบริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ ในปี 2562 –2564 ที่ SPRC เคยมีการเปิดเผยจะอยู่ที่ 779, (255), และ 952 ล้านบาท ขณะที่ปันผลรับตามสัดส่วนถือหุ้น 9.91% จะอยู่ที่ 174, 170, และ 129 ล้านบาท ตามลำดับ เบื้องต้น คาดจะช่วยสร้างกำไรให้ SPRC ภายหลังจากหักดอกเบี้ยและภาษีสุทธิที่ราว 0.5 –1.0 พันล้านบาท/ปี คิดเป็นมูลค่าเพิ่มที่ราว 0.5–1.0 บาท/หุ้น ช่วงสั้นอาจหาจังหวะเข้าTrading จากประเด็นข่าวเชิงบวกดังกล่าวได้

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง