หากใครได้เดินทางลงใต้บ่อย ๆ ภาพที่คุ้นตาทุกคนคงหนีไม่พ้นสวนยางพาราหลายร้อยหลายพันไร่ริมถนน ทั้งถนนสายหลักหรือแม้กระทั่งตามถนนลูกรังเส้นเล็ก ๆ ตามหมู่บ้านต่างอำเภอ เรียกว่าถนนเข้าถึงตรงไหนเราก็จะเจอสวนยางพาราที่นั่นอย่างแน่นอน ยางพาราไม่ใช่พืชที่มีถิ่นกำเนิดในไทย แต่บ้านเกิดของยางพารานั้นอยู่ไกลจากเราไปครึ่งค่อนโลก คือประเทศอมริกาใต้ในแถบประเทศลุ่มน้ำแอมะซอนอย่างประเทศบราซิลและประเทศเปรู ชื่อท้องถิ่นของยางพารา คือ cao tchu ที่แปลว่าต้นไม้ร้องไห้ แล้วยางพารากลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจของคนใต้ตั้งแต่เมื่อไร จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นได้ยังไง คงต้องพานักอ่านทุกท่านไปตั้งต้นกันที่เมืองตรังกันก่อน เพราะที่นี่มีต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย ต้นยางพาราต้นแรกนี้ถูกปลูกอยู่ที่อำเภอกันตรัง เมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองจากการค้าเมื่อในอดีต ภาพโดยผู้เขียน ยางพารามีชื่อภาษาอังกฤษว่า Para Rubber โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) หรือบิดายางพาราของไทย เป็นคนแรกที่นำเข้ามา แรกเริ่มเดิมทีนั้นเกิดจากการที่พระยารัษฎาได้เดินทางไปดูงานที่ประเทศมลายู ได้ไปดูงานสวนยางพาราแต่ในสมัยนั้นมีการหวงพันธุ์ยางพาราอยู่มาก ทำให้พระยารัษฎาไม่สามารถนำต้นพันธุ์ยางพารากลับมายังประเทศไทยได้ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2444 พระสถล สถานพิทักษ์ซึ่งเป็นหลานชายพระยารัษฎาได้มีโอกาสไปดูงานที่ประเทศอินโดนีเซีย พระยารัษฎาจึงได้มอบหมายให้หลานชายเอาพันธุ์ยางพารกลับมาด้วย ครั้งนี้นี่เองที่พระสถลท่านได้แอบนำกล้ายางพาราที่ห่อรากด้วยสำลีชุบน้ำ ลำเลียงใส่กล่องลงเรือมายังประเทศไทยด้วยเรือกลไฟส่วนตัว ภาพโดยผู้เขียน หลังจากที่ได้กล้ายางพารากลับมา พระยารัษฏาก็เริ่มที่จะส่งคนไปเรียนรู้วิธีการปลูก โดยเน้นพวกกลุ่มนายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านให้ไปเรียน เพื่อที่จะได้นำความรู้มาสอนชาวบ้านต่อ แรกเริ่มเดิมทีนั้นยางพาราเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า ยางเทศา ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยางพาราในภายหลัง หลังที่มีการเพาะพันธุ์ยางพาราจนมีจำนวนมากขึ้น ก็เริ่มมีการแจกจ่ายไปยังหัวเมือง 14 หัวเมืองทางภาคใต้ นับแต่นั้นมาสวนยางพาราก็ทยอยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ ภาพโดยผู้เขียน ทุกวันนี้แม้ราคาน้ำยางพาราจะไม่สูงเหมือนเมื่อสักสิบปีก่อน แต่เกษตรกรชาวสวนยางก็ยังคงลุกขึ้นกลางดึก สวมเกียง (ไฟฉายคาดหัว) หิ้วมีดกรีดยางฝ่าไปในความมืด พอรุ่งเช้าก็หิ้วถังไปเก็บน้ำยางเอาไปขาย ก่อนจะพากันไปนั่งสภากาแฟที่ร้านน้ำชาประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นภาพคุ้นเคยของคนใต้ ยางพาราไม่เพียงแต่เป็นแค่อาชีพที่ใช้สำหรับเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของคนท้องถิ่น แต่มันคือวิถีชีวิตที่ผสมผสานกลมกลืนจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนใต้ไปแล้ว *ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน