ตำรวจไซเบอร์จี้กัมพูชา “จริงใจ” ช่วยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์

พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยถึงสถานการณ์ แก๊งคอลเซนเตอร์ บริเวณชาย แดนไทย - กัมพูชา ว่า ในช่วง 2 วันแรกที่มีเหตุปะทะตำรวจรับแจ้งความถูกหลอกลวงลดลงเหลือ 800 - 900 เคส จาก 1,100 เคส แต่หลังจากนั้นก็กลับมาเพิ่มขึ้น ประมาณวันละ 1,000 เคส เนื่องจากคนไทยที่ไปทำงานเป็นคอลเซนเตอร์ตัดสินใจไม่ขอเดินทางกลับมาหลังมีการเจรจาหยุดยิง ซึ่งจากการสอบถามผู้ที่ทำงานในแก๊งคอลเซนเตอร์ซึ่งเดินทางกลับมาก่อนหน้านี้ ให้ข้อมูลว่า หัวหน้าที่เป็นคนจีนบอกให้อยู่ทำงานต่อโดยจะให้ค่าทำงานล่วงเวลาหรือโอที

ส่วนประเด็นที่ว่ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ย้ายฐานปฏิบัติการลึกเข้าไปในปอยเปต ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะยกระดับในการปราบปรามโดยดึงประเทศที่ตกเป็นเหยื่อ หรือประเทศที่เห็นว่าการกระทำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายสากลอย่างร้ายแรง รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงานหลอกลวง การฉ้อโกงประชาชนทั่วโลก แล้ว นำเงินไปฟอก ไปทำธุรกิจอื่น ๆด้วย

ทั้งนี้มองว่า จะต้องดึงความร่วมมือจากต่างประเทศเข้ามาในปฏิบัติการนี้ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดตั้งวอร์รูมขึ้นมาเฉพาะ ซึ่งจะมีหน่วยต่างประเทศทางด้านกฎหมาย มาร่วมปฏิบัติการในวอร์รูมนี้ด้วย พร้อมย้ำว่าในการปราบปรามต้องใช้กลไลโลกล้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อนำมาสู่ปฏิบัติ การทลายเครือข่ายไปให้ถึงฐานที่ตั้ง

ผู้บัญชาการ ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีระบุอีกว่า ทางการไทยมีข้อมูลถึงฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และหัวหน้าขบวนการต่างๆ  โดยขอความร่วมมืออย่างจริงจังและจริงใจ ไปยังทางการกัมพูชาด้วย ในการกวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งมีฐานปฏิบัติอยู่ในประเทศของตัวเอง รวมถึงประสานความร่วมมือและส่งตัวผู้ต้องหาให้กับทางการไทย และ ขอให้ดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนายทุนหรือเจ้าของตึกอย่างเด็ดขาด