เอกชนชี้เปิด ‘ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ’ บินเข้า ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ ดันต่างชาติเที่ยวเพิ่ม-ดึงบรรยากาศฟื้นคืน

นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เปิดเผยว่า กรณีสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) อนุญาตให้สายการบินทำการบินเข้า-ออก สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมืองได้เป็นการเฉพาะในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เท่านั้น จากเดิมที่รัฐบาลประกาศห้ามทำการบินในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ซึ่งรวมถึงกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง เบื้องต้นจะอนุญาติเฉพาะผู้โดยสารต่างประเทศ ที่สามารถเดินทางมาต่อเครื่องเพื่อเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินภูเก็ต เริ่มตั้งแต่ 21 สิงหาคมนี้ โดยมองว่าการอนุญาตให้ทำการบินผ่านสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิได้ ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ดีมาก เนื่องจากจะช่วยดึงบรรยากาศกลับมาสูงขึ้น มีต่างชาติเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ไม่สะดวกในการเช่าเหมาลำ หรือบินเข้ามาที่สนามบินภูเก็ตโดยตรง สามารถใช้รูปแบบการบินต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิและดอนเมือง เพื่อบินมายังภูเก็ตได้ รวมถึงสายการบินยังสามารถรวมกลุ่มผู้โดยสาย และทำการบินได้แบบคุมต้นทุนได้มากขึ้น เนื่องจากผู้โดนสายที่บินผ่านทั้ง 2 สนามบิน มีหลายวัตถุประสงค์ ทั้งการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ การทำงาน การพบปะครอบครัวิเป็นการรวมกลุ่มผู้โดยสารจากหลายวัคถุประสงค์ ทำการบินในเที่ยวบินเดียวได้ ซึ่งความจริงมองว่าควรอนุญาตตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาแล้ว แต่ก็เข้าใจว่าสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในประเทศยังรุนแรงอยู่ ทำให้ต้องพยายามควบคุมการระบาดผ่านการจำกัดการเดินทางเคลื่อนที่ให้มากที่สุด
นายก้องศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต และการระบาดโควิด-19 ในพื้นที่นั้น ขณะนี้คนในพื้นที่มีความเข้าใจในการอยู่ร่วมกับโควิดมากขึ้น รวมถึงผู้ป่วยโควิดที่พบเพิ่มขึ้น แบ่งผู้ป่วยสีเหลืองและแดง มีอยู่ประมาณ 30% อย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียว ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมากเป็นหลัก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานได้ดีของวัคซีนต้านไวรัส เพราะคนในภูเก็ตได้รับวัคซีนแล้วกว่า 70% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้น ทำให้เมื่อผู้ได้รับวัคซีนแล้วติดโควิด อาการจะไม่รุนแรงมากเท่าผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
นายก้องศักดิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่อยากได้ในตอนนี้คือ อยากให้รัฐบาลจัดสรรวัคซีนมาตามแผนที่วางไว้ คือ ในเดือนสิงหาคม-กันยายน ต้องมีวัคซีนเข้ามาฉีดให้คนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอีกประมาณ 1 แสนโดส ซึ่งขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า วัคซีนที่จะต้องนำเข้ามาอีกนั้น ไม่ได้เป็นการขออนุมัติวัคซีนเพิ่ม แต่เป็นการขอให้รัฐบาลจัดสรรให้ได้ตามแผนเท่านั้น
“ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในแต่ละวันที่พบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นคลัสเตอร์ที่รู้ที่มาที่ไป คือ กลุ่มแรงงานต่างด้าวเป็นหลัก แต่หากคัดแยกออกเป็นคนไทยที่ติดเชื้อจริงๆ มีน้อยมาก จึงเชื่อว่าสามารถควบคุมได้ และภายในเดือนสิงหาคมนี้ น่าจะแยกคนไทยที่ติดเชื้อออกได้และมีจำนวนลดลงอยู่ในระดับต่ำมากแน่นอน เหลือเพียงกลุ่มแรงงานต่างด้าวเท่านั้น ซึ่งกลุ่มแรงงานต่างด้าว มีข้อจำกัดในการควบคุมการแพร่เชื้อหรือการระบาดได้ยาก เนื่องจากลักษณะของแรงงานจะอยู่อาศัยร่วมกันจำนวนมาก มีความแออัด และรับประทานอาหารร่วมกัน รวมถึงขณะนี้ปัญหาที่พบคือ เรายังไม่สามารถตรวจหาเชื้อเชิงรุกได้มากนัก เพราะติดเรื่องกำลังคน และงบประมาณที่ไม่เพียงพอ รวมถึงเมื่อตรวจพบว่ามีผู้ติดเชื้อแล้ว การแยกนำไปรักษาในโรงพยาบาลสนามก็สามารถรองรับได้จำกัด เนื่องจากมีพื้นที่ที่สามารถใช้เป็นโรงพยาบาลสนามได้ แต่ไม่มีงบประมาณในการหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น บุคลากรทางการแพทย์ อาหาร รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ด้วย” นายก้องศักดิ์ กล่าว