สวัสดีครับ พบกับผม ExternNewbie ความรู้เรื่องสุขภาพที่ทั้งได้ประโยชน์ สนุก และมีสาระครับวันนี้เราจะมาต่อกันครับในเรื่องของ "กว่าจะเป็นหมอ 6ปี ในคณะแพทยศาสตร์" EP2 ชั้น Clinic ครับ ผู้อ่านท่านใดที่มาเห็น ยังไม่ได้อ่าน EP1 แนะนำให้อ่านก่อนนะครับตามลิงค์นี้ได้เลย กว่าจะเป็นหมอ 6ปี ในคณะแพทยศาสตร์ EP1 สำหรับท่านใดที่อ่านแล้วเรามาเริ่ม EP2 ชั้น Clinic กันเลยครับ 4.ชั้นปีที่ 4 (การปรับตัวอีกครั้ง)ปล.ในส่วนนี้จะของเล่ายาวซักหน่อยนะครับ เพราะการเรียนเปลี่ยนแปลงไปมากๆพอมาถึงชั้นปีที่ 4 การเรียนของเราจะเปลี่ยนไปจากเดิมมากๆๆ จากเดิมที่เราเคยนั่งเรียนในห้องเรียน อาจมีปฏิบัติบ้างนิดหน่อย พอขึ้นมาในชั้นปีที่ 4 เราจะต้องขึ้นมาปฏิบัติงานบนโรงพยาบาลที่เป็นศูนย์การแพทย์ของแต่ละมหาวิทยาลัยครับ เราจะได้เรียนรู้จากคนไข้จริงๆ ฝึกการตรวจร่างกายจริงๆ เพื่อนที่เคยนั่งเรียนด้วยกัน ในวันนี้อาจจะต้องแยกกันเพราะเราจะถูกแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆอีกที เพราะต้องวนไปตามแผนกต่างๆของโรงพยาบาล หลักๆของชั้นปีที่ 4 ก็จะเป็น Major Ward ประกอบไปด้วย สูติศาสตร์นรีเวช (การดูแลผู้ป่วยตั้งครรภ์) , ศัลยกรรม (การดูแลผู้ป่วยผ่าตัด) , อายุรกรรม (การดูแลผู้ป่วยโดยการใช้ยา) , กุมารเวชกรรม (การดูแลผู้ป่วยเด็ก) อาจจะมีวิชาอื่นๆเสริมแล้วแต่มหาวิทยาลัยครับ ในแต่ละแผนกจะใช้เวลาอยู่ประมาณ 2 เดือนครับ ซึ่งในชั้นปีที่ 4 จะเน้นเกี่ยวกับการซักประวัติ ตรวจร่างกาย วินิจฉัยโรคในแต่ละแผนกต่างๆ และในปีที่ 4 นี้เราจะมีการเรียนเนื้อหาน้อยลง แต่จะเพิ่มในส่วนของการดูคนไข้ และการอยู่เวร ซึ่งเดียวจะพูดถึงต่อไปนะครับ โดยปกติชีวิตประจำวันในชั้นปีที่ 4 จะแบ่งเป็น1. เวลา 06.00-8.30 น จะเป็นการติดตามอาการของคนไข้ที่เราดูแลอยู่ในแต่ละวันว่ามีอาการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร การติดตามผลการตรวจห้องปฏิบัติการต่างๆ ในส่วนนี้เราเรียกว่าการราวน์วอด (Round Ward) ครับ2. เวลา 8.30-12.00 น. จะเป็นเวลาส่วนของรุ่นพี่ที่เป็นหมอจบแล้ว , แพทย์ประจำบ้าน (แพทย์ที่เรียนต่อในสาขาแผนกนั้นๆ) , อาจารย์ Staff (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาแผนกนั้นๆ) จะมีติดตามอาการของคนไข้ซึ่งเราปี 4 ที่เป็นเด็กสุดมีหน้าที่ที่จะต้อง รายงานอาการของคนไข้ในแต่ละวัน , รายงานประวัติของคนไข้ใหม่ที่มานอนที่ รพ. ให้อาจารย์หรือคนอื่นๆได้รับทราบ ทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆจนครบทุกคน ทั้งแผนกหรือหอผู้ป่วยที่เรารับผิดชอบอยู่ หลังจากนั้นก็จะเป็นเวลาส่วนของการทำงานกับคนไข้ เราจะเรียกว่า (Ward Work) ก็จะเป็นงานที่ต้องทำ หรือหัตถการที่ต้องทำกับคนไข้ เช่นคนไข้มีน้ำในช่องท้องเพิ่มขึ้น วันนี้ต้องทำการเจาะระบายน้ำในช่องท้องเป็นต้น แต่ละคนก็จะมีเรื่องที่ต้องทำแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะไม่มีก็ได้ครับ3. เวลา 13.00-16.30 โดยส่วนใหญ่ชั้นปีที่ 4 ก็จะมีเรียน Lecture ครับในแต่ละแผนกๆนั้น หรือถ้าบางวันไม่มีก็ต้องขึ้นไปอยู่บนหอผู้ป่วยช่วยกันทำ Ward Work ที่ยังไม่เสร็จ หรือมีการรับคนไข้ใหม่ที่มานอน รพ.ครับ4. เวลา 16.30-17.30 จะเป็นการติดตามอาการของคนไข้ที่เปลี่ยนแปลงไปในระหว่างวัน หรือรายงานผู้ป่วยรับใหม่ให้อาจารย์ฟัง ในขั้นตอนนี้ก็คือการราวน์วอดตอนเย็น เราจะเรียกสั้นๆว่า ราวน์เย็นครับ5. หลังจากเวลาราวน์เย็นเป็นต้นไป ใครไม่อยู่เวรก็กลับบ้านได้ครับ ส่วนใครที่อยู่เวรก็ต้องอยู่ประจำที่หอผู้ป่วยเพื่อดูแลคนไข้ที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในตอนกลางคืน หรือรับคนไข้ใหม่ในช่วงนอกเวลางาน ในส่วนนี้ปี4 จะอยู่ถึง 4ทุ่ม 5ทุ่ม เที่ยงคืน แล้วแต่มหาวิทยาลัย และจำนวนการอยู่เวรในแต่ละเดือนก็มากน้อยตามแต่ละมหาวิทยาลัยครับแล้วก็วนลูปตอนเช้าใหม่เหมือนเดิม พออยู่แผนกๆนั้นจนครบประมาณ 2 เดือนก็สอบครับ ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะต้องมาดูคนไข้ตอนเช้า มาราวน์วอดเหมือนเดิมครับจะเสร็จประมาณ 12.00 ถ้าไม่มีอยู่เวร หรืออาจารย์ไม่นัดสอนเพิ่มเติมก็กลับได้ เพราะฉะนั้นไม่มีหยุดครับเรียนกัน 7 วันเลยทีเดียว ในส่วนสำหรับการสอบก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นกัน โดยในการสอบของระดับชั้น Clinic (ปี4-6) นั้นแบ่งออกเป็นหลักๆ 5 อย่างดังนี้ครับ1. MCQ ในส่วนนี้ก็จะเหมือนๆกันกับชั้น ปี1-3 ครับ คือเป็นข้อสอบช้อยแล้วเราเลือกคำตอบที่ถูกที่สุด2. MEQ สำหรับส่วนนี้จะเป็นข้อสอบแบบให้แต่ละสถานการณ์มาครับเช่น ข้อแรกคนไข้เพศหญิง อายุ 65 ปี มีอาการเหนื่อย 2 วันก่อนมาโรงพยาบาล จงซักประวัติ เราก็เขียนว่าจะซักประวัติอะไรบ้างลงในกระดาษครับ พอหมดเวลากรรมการคุมสอบจะเก็บกระดาษคำตอบเราไปเลยครับ พอข้อต่อไปโจทย์ก็จะให้ประวัติของข้อก่อนหน้านี้มา เราจะรู้เลยครับว่าเราซักประวัติครบหรือไม่ แล้วโจทย์จะถามต่อว่าให้ตรวจร่างกาย แล้วจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในสถานการณ์ข้อใหญ่ข้อนึงจะมีประมาณ 5-6 ข้อครับ3. CRQ ส่วนนี้จะเป็นข้อสอบที่ถาม ตอบ สั้นๆครับ คล้ายๆข้อสอบเขียนแบบที่เราเคยสอบๆกัน4. OSCE ส่วนนี้จะเป็นข้อสอบปฏิบัติครับ จะมีฐาน หลายๆฐาน สำหรับการสอบ พอหมดเวลาเราก็จะเปลี่ยนข้อต่อไป ไปเรื่อยๆ ตัวอย่างข้อสอบปฏิบัติก็จะเป็นให้ซักประวัติก็จะมีคนไข้สมมุติมาให้ครับ จงแสดงการตรวจร่างกาย จงแสดงหัตถการต่างๆเช่นทำแผล เย็บแผล ฉีดยา เจาะเลือด เจาะท้อง เป็นต้น5. Long Case ส่วนนี้จะเป็นการสอบคล้ายๆ OSCE ครับ แต่ คนไข้จะเป็นคนไข้จริงๆอาจารย์แพทย์จะนัดเวลากับเรา และอาจารย์จะเป็นคนหาคนไข้มาให้เรา ให้เราซักประวัติ ตรวจร่างกายคนไข้ และไปรายงานกับอาจารย์ อาจารย์ก็จะถามต่อไปเรื่อยๆเช่น นึกถึงโรคอะไรบ้าง จะส่งตรวจอะไรเพิ่มเติมบ้าง ผลออกมาเป็นแบบนี้จะวินิจฉัยอะไร จะรักษายังไง ให้คำแนะนำคนไข้ครับ รวดเดียวเลยในคนไข้1คน และเราก็จะมีสอบประมาณนี้เรื่อยๆในทุกวิชาครับ นับว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวอีกครั้งนึงครับในชั้นปีที่ 45.ชั้นปีที่ 5 (เริ่มมี Minor แล้วนะ)พอมาถึงชั้นปีที่ 5 ระบบการเรียน การราวน์วอด การอยู่เวร การสอบจะยังเหมือนปีที่ 4 ทุกอย่างเลยครับ แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่ในชั้นปีที่ 4 เราจะได้เรียนเป็น Major Ward เป็นส่วนใหญ่ก็คือเราจะเรียกกันสั้นๆว่า สูติ ศัลย์ เมด(อายุรกรรม) เด็ก แต่ในชั้นปีที่ 5 นอกจากจะเรียน Major แล้ว เรายังมีกลุ่มของ Minor และ เฉพาะเจาะลึกไปในบางสาขามาด้วยครับ เช่น ศัลย์กรรมกระดูก ศัลยกรรมหัวใจ ดมยา จิตเวช ห้องฉุกเฉิน นิติเวช ตา หูคอจมูก เป็นต้นครับ ในส่วนของการเรียน Minor ก็จะมีความสบายกว่าเล็กน้อยครับเช่นบางวิชาอาจจะไม่มีราวน์วอดตอนเช้า บางวิชาไม่มีอยู่เวรเป็นต้นครับ โดยรวมชั้นปีที่ 5 จะสบายกว่าตอนอยู่ ปี4 ครับ แต่ช้าก่อนครับ!!!! หลังจากจบชั้นปีที่ 5 นี้มีความพิเศษคือเราจะมีการสอบครับ สิ่งนั้นก็คือ National License ขั้นตอนที่ 2 เรียกกันสั้นๆว่า NL2 ก็จะเป็นเหมือนตอนปีที่ 3 เลยครับ แต่ในส่วนของ NL2 นี้จะเป็นเนื้อหาของชั้นปีที่ 4 และ ปีที่5 นั้นเองครับ ข้อสอบภาษาอังกฤษ 300 ข้อเช่นเดิมครับ6.ชั้นปีที่ 6 (ปีสุดท้ายแล้ว)ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงปีสุดท้ายครับ ปีนี้เราจะได้คำนำหน้าชื่อใหม่ครับ จากเดิมนักศึกษาแพทย์/นิสิตแพทย์ สำหรับในปีที่ 6 จะถูกเรียกว่า Extern ครับ 5555+ ระบบการเรียน การราวน์วอด การสอบจะยังเหมือนเดิมทุกอย่างเลยครับ แต่จะแตกต่างกันตรวจที่ การอยู่เวรในชั้นปีที่นี้จะไม่ได้อยู่ถึงแค่ 4ทุ่ม 5ทุ่ม เที่ยงคืนแล้วครับ เพราะปีนี้เราจะอยู่เวรกันถึงเช้าครับ ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าจะเป็นแบบนี้เหมือนกันทุกๆมหาวิทยาลัยครับ เราจะอยู่กันถึงเช้าเลยครับ ถ้าดวงดีเราอาจจะได้นอนบ้าง ถ้าดวงไม่ดีคนไข้เยอะ คนไข้มีปัญหาตอนกลางคืนก็อาจจะไม่ได้นอนเลย เพราะฉะนั้นในปีนี้ ในตอนเช้าเรายังต้องมาดูคนไข้ ราวน์วอด เหมือนปกติทุกๆวัน แต่ถ้าอยู่เวรเราก็จะอยู่จนถึงเช้าอีกวัน แล้วหลังจากนั้นนละ? อย่าพึ่งดีใจว่าจะได้กลับไปนอนเชียวครับ เพราะในเวลาปกติเราก็ยังต้องดูคนไข้ตอนเช้า ราวน์วอด มี activity เหมือนเดิม นั้นหมายความว่า ถ้าเราอยู่เวรสมมุติว่าวันที่ 26 มิถุนายน เราจะต้องมาดูคนไข้ตอน 6.30 จะกลับไปนอนได้ก็หลังเวลา 17.30 ของวันที่ 27 มิถุนายนครับ 32ชั่วโมงติดกันจุกๆไปเลย และเป็นแบบนี้แทบจะวันเว้นวัน หรือวันเว้น2วันครับ จนจบปี ในปีนี้ก็จะมีการสอบครั้งสุดท้ายก็คือ NL3 ข้อสอบนี้จะไม่เป็นข้อสอบช้อยอีกแล้วครับ จะเป็นข้อสอบ MEQ , OSCE , Long Case ทั้งหมดครับ แล้วถ้าผ่านทั้งหมดก็ Congratulation ครับจบการศึกษา รอรับใบประกอบวิชาชีพ เพื่อทำงานต่อไปครับ ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับ "กว่าจะเป็นหมอ 6ปี ในคณะแพทยศาสตร์" จบออกมาเราจะเรียกแพทย์ที่จบ 6 ปี ยังไม่ต่อเฉพาะทางว่า GP (General practice) ครับ ซึ่งหลังจากนี้เราก็จะต้องทำงานกันก่อนต่อไปครับ การเรียนต่อเฉพาะทางจำเป็นต้องทำงานก่อน2 ปี 3 ปี แล้วแต่สาขาครับ แต่ใครไม่อยากเรียนต่อแล้วจะทำงานเป็น GP ต่อไปก็ได้เช่นกันครับมาถึงตรงนี้ก็ขอขอบคุณผู้อ่านทุกๆท่านครับ ชอบ ถูกใจ แชร์ให้เพื่อนๆมาอ่านกันได้เยอะๆนะครับ มีคำถามไม่เข้าใจตรงไหนสามารถมาพูดคุยกันได้ครับขอบคุณรูปภาพภาพที่ ปก จาก Pixabay โดย pexelsภาพที่ 1 จาก 662222 โดย pixabayภาพที่ 2 จาก จาก freepik โดย freepikภาพที่ 3 จาก ijmaki โดย pixabayภาพที่ 4 จาก DarkoStojanovic โดย pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !