ระยะนี้บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง ทวิตเตอร์ (Twitter) มีการพูดคุยถึงภาพยนตร์เรื่อง หอแต๋วแตก และภาพยนตร์ที่ผู้กำกับชื่อดังอย่าง พชร์ อานนท์ เป็นผู้สร้าง ว่านอกจากจะเป็นภาพยนตร์ที่เน้นความตลกโปกฮา ดูเหมือนจะไร้สาระ แต่ความจริงแล้วยังเต็มไปด้วยการเล่าเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดี จากเรื่องดังกล่าวจุดประกายให้ผู้เขียนคิดถึงนิทานเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านตอนที่ยังเป็นเด็กคือ 'สองพี่น้องกับบ้านขนมหวาน' (Hansel and Gretel) เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักนิทานเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะร้านหนังสือหรือห้องสมุดของโรงเรียนก็ต้องมีนิทานเรื่องนี้วางอยู่ทุกที่ไป แต่รู้กันหรือไม่ว่า สองพี่น้องกับบ้านขนมหวานไม่ใช่เรื่องที่อุปโลกน์ขึ้นมาลอย ๆ แต่เป็นนิทานที่บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกสมัยหนึ่งได้เป็นอย่างดี ชวนผู้อ่านตามไปดูกันว่า นิทานเรื่องนี้อ้างอิงถึงเหตุการณ์ใดในอดีตได้บ้างในบทความนี้ทบทวนความจำกันสักหน่อยเผื่อใครจะจำไม่ได้ สองพี่น้องกับบ้านขนมหวาน เป็นนิทานที่แต่งโดยสองพี่น้องตระกูลกริมม์ (The Grimm Brothers) ตั้งชื่อตามตัวละครหลักของเรื่องคือ แฮนเซล (Hansel) กับ เกรเทล (Gretel) ว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้องผู้อาภัพ อาศัยอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยงใจร้าย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะความยากจน แม่เลี้ยงใจร้ายยุยงให้ผู้เป็นพ่อเอาเด็กทั้งสองไปปล่อยในป่าลึก เข้าแผนของนางแม่เลี้ยงเพราะสองพี่น้องดันหลงป่า ระหกระเหินเดินทางจนไปพบกับบ้านขนมหวานที่มียัยแม่มดตัวดีค่อยหลอกล่อเด็กทั้งสองคนให้หลงกลเพราะหวังจะกินเป็นอาหาร สุดท้ายสองพี่น้องหาทางหนีทีไล่และฆ่ายัยแม่มดโดยผลักเข้าไปในเตาไฟแล้วหนีออกมาได้ในที่สุด ซึ่งนิทานเรื่องนี้แต่งขึ้นเมื่อปี 1812 หลายประเทศซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลหลากหลายภาษา และยังมีการดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์อีกด้วยแล้วนิทานเรื่อง สองพี่น้องกับบ้านขนมหวาน ไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของโลกได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องพาผู้อ่านย้อนไปยังยุโรปสมัยกลาง (Middle Age) ซึ่งเป็นยุคที่ผู้คนไม่ได้ลืมตาอ้าปาก ทุกพื้นที่มีแต่ศึกสงคราม ช่วงที่เกิดสงครามครูเสด (Crusades) และสงครามร้อยปี (Hundred Year's War) ผลจากสงครามที่มีการปะทะกันอย่างยาวนานทำให้ทวีปยุโรปเกิดภาวะข้าวยากหมากแพง โดยเฉพาะบริเวณคาบสมุทรบอลติก ผู้คนอดอยากล้มตายเป็นจำนวนมาก บางพื้นที่ต้องกรีดเลือดเฉือนเนื้อคนในครอบครัวมากินประทังชีวิต ประกอบกับการอยู่ภายใต้ระบบฟิวดัลที่มีการกดขี่ข่มเหงระหว่างชนชั้น ศาสนจักรขึ้นมาเป็นใหญ่ในสังคมยุโรป ล้างสมองผู้คนให้มีความเชื่อไปในทิศทางเดียวกัน มีการล่าแม่มดและจับมาทรมานเพราะเชื่อว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนา สิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิตประจำวันของคนยุคกลาง นิทานหรือเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นในยุคนั้นจึงหนีไม่พ้นเรื่องความยากจนและเรื่องแม่มดนั่นเองยุคกลางของยุโรปมีการแต่งนิทานเสียดสีสังคม สะท้อนด้านมืดของบ้านเมืองตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ต้นฉบับของนิทานเรื่องสองพี่น้องกับบ้านขนมหวานก็เกิดขึ้นในยุคนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งสองพี่น้องตระกูลกริมม์ได้นำมาดัดแปลงให้แตกต่างจากต้นฉบับเพื่อให้เด็ก ๆ อ่านแล้วรู้สึกสนุก แม้โครงเรื่องจะน่าหดหู่มากเหลือเกินก็ตาม ต้นฉบับเป็นนิทานอิตาลีที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 13 คนที่พาสองพี่น้องไปปล่อยไม่ใช่พ่อ แต่เป็นแม่บังเกิดเกล้าเลยทีเดียวเชียว โดยผู้เป็นพ่อเป็นคนพยายามช่วยลูกทั้งสองด้วยการโรยข้าวโอ๊ตไปตามทางเดินแต่ถูกลากินจนหมด แน่นอนว่าต้นฉบับเด็ก ๆ ถูกแม่มดจับกินไม่สามารถหนีออกมาได้ แถมยังบรรยายฉากแม่มดฉีกเนื้อเด็กเอาไว้อย่างสยดสยอง ถือเป็นโชคดีของเด็กสมัยนี้ที่สองพี่น้องตระกูลกริมม์เอามาปรับเปลี่ยนให้เป็นมิตรต่อการอ่านมากขึ้น ไม่อย่างนั้นสองพี่น้องกับบ้านขนมหวานคงเป็นนิทานสุดโหดที่ไม่เหมาะกับเด็ก ๆ อย่างแน่นอนนี่จึงเป็นเหตุการณ์จริงที่ซุกซ่อนอยู่ในนิทาน ตอนเป็นเด็กเราต่างอ่านนิทานกันเพื่อความสนุก แต่เมื่อโตขึ้นแล้วได้มองย้อนไป นิทานหลายเล่ม ภาพยนตร์หลายเรื่อง ถือเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญที่ทำให้เราเห็นภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญสองพี่น้องกับบ้านขนมหวาน ไม่ใช่นิทานเรื่องเดียวของสองพี่น้องตระกูลกริมม์ แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาได้บอกเล่ามุมมืดมนบนโลกของเราในยุคสมัยที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างไรความดำมืดที่สอดแทรกอยู่ในนิทานของกริมม์ ก็เป็นการทำให้เราได้เห็นถึงความเป็นไปของชีวิต เส้นทางของผู้คนในอดีตที่ล้มลุกคลุกคลาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจากศึกสงครามหลายพันครั้ง ซึ่งคนยุคเราคงไม่มีโอกาสได้ประสบพบเจอเครดิตรูปภาพ- รูปภาพหน้าปก โดย Couleur : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 1 โดย R0bin : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 2 โดย ArtTower : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 3 โดย DagmarYanbak- Grafikdesign : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 4 โดย Gellinger : PIXABAY