การทำธุรกิจ คือ สิ่งที่หลายคนคิดที่จะทำเพื่อยกระดับฐานะการเงินของตัวเอง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ธุรกิจของตัวเองมีกำไรมากพอที่จะเหนือกว่างานประจำจนสามารถลาออกมาทำธุรกิจของตัวเอง แต่นั่นอาจเป็นทางที่ทำได้ยาก เพราะมีหลายสิ่งที่คนทำธุรกิจมองข้ามหรือไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะต้องมีเรื่องแบบนี้คอยดูแลจัดการด้วย ต่อเพนกวิน (ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี) เจ้าของเพจและช่อง TORPENGUIN ที่ให้ความรู้ธุรกิจร้านอาหารผ่านประสบการณ์จริงของตัวเองจากร้าน Penguin Eat Shabu จะมาให้เรารู้จักการเจ๊งในกระดาษเพื่อไม่ให้ธุรกิจเราเจ๊งในชีวิตจริง (ลดโอกาสเจ๊ง) พร้อมตัวอย่างธุรกิจแฟรนไชส์ที่เราสามารถปรับใช้ในชีวิตจริงได้ ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ ได้เรียนรู้ว่า “จุดแข็ง” คือ จุดที่ดีกว่าคู่แข่ง ไม่ใช่บอกว่าจุดแข็งของเราคือ เราทำอาหารอร่อย แต่พอลูกค้าไปกินที่ร้านคู่แข่ง แล้วบอกว่าร้านคู่แข่งอร่อยกว่า จุดแข็งของเราจะกลายเป็นจุดอ่อนทันที ถ้าบอกว่าเราให้บริการได้รวดเร็วภายใน 20 นาที แต่ถ้าคู่แข่งของเราให้บริการได้ภายใน 10 นาที จุดแข็งของเราจะกลายเป็นจุดอ่อนทันทีเช่นกัน ได้เรียนรู้ว่าจุดอ่อน จุดแข็ง เกิดจากการเปรียบเทียบกับคนอื่นเสมอ การที่บอกว่า ธุรกิจของเรามีจุดแข็งอะไร เราต้องเปรียบเทียบกับคู่แข่งทั้งหมดในตลาด เพื่อให้มั่นใจว่า นี่คือจุดแข็งของเราจริงๆ คิดง่ายๆ ว่า อะไรที่เราทำได้ง่ายๆ หรือทำได้ดีกว่า ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า ในขณะที่คู่แข่งของเราทำได้ยาก ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก หรือมีต้นทุนที่สูง สิ่งนี้แหละเป็นจุดแข็งของเรา ได้เรียนรู้การถามตัวเราเองว่า เราตั้งใจจะทำธุรกิจนี้หรือเราตั้งใจอยากซื้อที่ดินหรือพื้นที่เช่านี้ในระยะยาวเลย คิดจะหาอะไรทำบนที่ดินนี้ จะได้ไม่เสียโอกาสไปฟรี ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเราบอกว่าเราตั้งใจจะทำธุรกิจนี้ในระยะยาว และเพื่อโอกาสในการขยายสาขาในอนาคต การลงทุนซื้อที่ดินเพื่อทำธุรกิจอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะ เพราะ... 1.มูลค่าที่ดินที่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับเงินลงทุนในธุรกิจ 2.ทำเลที่ดีในวันนี้ อาจไม่ใช่ทำเลที่ดีในอนาคต 3.ผลตอบแทนทางธุรกิจอาจมากกว่าค่าเช่าที่ประหยัดได้ ได้เรียนรู้ว่าทำเลที่ดีที่เหมาะกับการทำธุรกิจมีราคาสูงแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่เหมาะถ้าเรามีเงินไม่มากพอ หรือมีงบลงทุนจำกัด แล้วต้องแบ่งเพื่อเอาไปลงทุนซื้อที่ดินจนไม่เหลือเงินเพื่อเริ่มธุรกิจหรือเงินสำรองเพื่อใช้ดำเนินกิจการ แต่มีคนทำธุรกิจหลายคนที่ซื้อที่ดินเพื่อมาทำธุรกิจ นั่นอาจเพราะว่าเขาคำนวณไว้ล่วงหน้าแล้วว่าในอนาคตที่ดินนี้จะมีราคาสูงขึ้นมากกว่าผลตอบแทนทางธุรกิจ เมื่อถึงเวลานั้น เขาอาจเปลี่ยนจากธุรกิจที่จะทำไปทำธุรกิจใหม่ หรือเลิกธุรกิจ แล้วขายที่ดินนั้นไปเลยก็เป็นไปได้ ได้เรียนรู้ว่าโดยปกติธุรกิจอย่างเช่น ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านนวด ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ ไม่ควรจ่ายค่าเช่าเกิน 10-20% ของรายได้รวมต่อเดือนโดยประมาณ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้กำไรน้อยกว่าที่ควรจะเป็นได้ แต่ถ้าเป็นธุรกิจอย่างร้านสะดวกซัก ที่ไม่เน้นพนักงานในการบริการ ค่าเช่าอาจสูงไปจนถึง 20-30% ของรายได้ เพราะมีต้นทุนค่าพนักงานที่ต่ำกว่า ได้เรียนรู้ว่าเราต้องดูอะไรในพื้นที่เช่า อาทิเช่น ขนาดพื้นที่ที่ต้องการ รูปทรงพื้นที่ สัญญาเช่า ตำแหน่งที่ตั้งพื้นที่ กฎระเบียบโครงการหรือพื้นที่เช่า งานระบบที่เกี่ยวข้อง ได้เรียนรู้ว่าก่อนจะเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ เราควรดูสัญญาให้ละเอียดว่ามีส่วนไหนที่เอาเปรียบเราหรือไม่เหมาะสมบ้างไหม เพราะเมื่อไหร่ที่เราเซ็นสัญญาเช่าไปแล้ว จะขอยกเลิกหรือแก้ไขในภายหลังก็คงไม่มีเจ้าของพื้นที่ไหนยอม ได้เรียนรู้ว่ารายละเอียดสัญญาเช่าที่เราควรให้ความสำคัญมีตั้งแต่ระยะเวลาของสัญญา การเซ็นสัญญา 3 ปี ก็เป็นการการันตีว่า จะไม่มีใครมาไล่เราตลอด 3 ปีนี้ แต่ถ้าเรายังไม่มั่นใจแล้วเจ้าของพื้นที่เขายินยอมให้เซ็นสัญญาระยะสั้น เช่น 6 เดือนหรือ 1 ปี ก็เป็นการลดความเสี่ยงลงไปได้ แต่เราก็ต้องรับความเสี่ยงจากการขึ้นค่าเช่าในอนาคตด้วยเช่นกัน ถ้าเราคิดว่าธุรกิจของเรามีโอกาสไปรอดแน่นอน อีกเรื่องที่ต้องใส่ใจเลยก็คือ ภาระความรับผิดชอบของทั้งผู้เช่า และผู้ให้เช่า ว่าใครรับผิดชอบอะไรเท่าไหร่ ทั้งอัตราค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือแม้กระทั่งการส่งมอบและการคืนพื้นที่เมื่อหมดสัญญา ได้เรียนรู้ว่า Top Line เป็นตัวเลขบรรทัดบนในงบกำไรขาดทุน เป็นรายได้รวมของธุรกิจในช่วงเวลาที่กำหนด เมื่อตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นแสดงว่าธุรกิจของเรากำลังเติบโต สะท้อนถึงความสามารถของธุรกิจในการสร้างยอดขาย หรือรายได้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ไม่ได้บอกถึงการขาดประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของธุรกิจ เช่น เพิ่มยอดขายโดยการลดราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่งหรือทุ่มงบการตลาด ลด แลก แจก แถมจนไม่เหลือกำไร ได้เรียนรู้ว่า Bottom Line เป็นตัวเลขในบรรทัดล่างสุดของงบกำไรขาดทุน แสดงถึงกำไรสุทธิของบริษัท คือ เป็นรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกไปแล้ว ค่าใช้จ่ายนี้อาจเป็นค่าเช่า ค่าวัตถุดิบ ค่าจ้างพนักงาน รวมถึงค่า GP ดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าใช้จ่ายในการบริหารค่าใช้จ่ายทั่วไปและภาษีต่าง ๆ ด้วย ได้เรียนรู้ว่าการเช่าพื้นที่ส่วนใหญ่มักจะต้องหรือจะเอาที่ไปทำอย่างอื่น หากระยะเวลาคืนทุนยาวกว่ารอบเวลาทำสัญญา 3 ปี ซึ่งหลังจากครบ 3 ปี แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะต่อสัญญาเช่าพื้นที่ นั่นหมายถึงว่า เรายังไม่ได้ทุนคืนแต่เราก็ต้องย้ายสถานที่ ซึ่งมันจะมีค่าแต่งร้านและค่าอะไรอีกหลายอย่างถ้าเราต้องไปเริ่มในที่ใหม่ในการหาระยะเวลาคืนทุน เราต้องรู้ก่อนว่าเราลงทุนไปทั้งหมดเท่าไหร่ เรามีรายได้และค่าใช้จ่ายระหว่างธุรกิจเท่าไหร่ เราจึงจะสามารถหาระยะเวลาคืนทุนได้แค่ไหน ได้เรียนรู้การหากำไรขั้นต้น = รายได้ - ต้นทุนขาย กำไรขั้นต้นจะเป็นตัวชี้วัดว่าเราทำธุรกิจได้ดี ส่วนต้นทุนขาย คือ ค่าวัตถุดิบ ค่าแพ็กเกจ เงินเดือนพ่อครัว ค่าจ้าง พนักงานเสิร์ฟ ค่าจ้างพนักงานขาย แคชเชียร์ ค่า GP ค่าโฆษณา ฯลฯ ได้เรียนรู้การหากำไรสุทธิ = รายได้ – ต้นทุนทั้งหมด กำไรสุทธิจะเป็นตัวบอกว่า ผลจากการลงทุนเราได้กำไรกลับมาเท่าไหร่ ส่วนต้นทุนทั้งหมด คือ ต้นทุนขาย รวมกับต้นทุนการบริหาร ค่าเช่า ได้เรียนรู้การหาระยะเวลาคืนทุน (เดือน) = เงินลงทุนทั้งหมด / กำไรสุทธิต่อเดือน เมื่อเรารู้จำนวนเงินลงทุน และกำไรสุทธิแล้ว เราก็จะสามารถคำนวณหาระยะเวลาคืนทุนได้ ได้เรียนรู้ว่า Up-Sell คือ การโน้มน้าวให้ลูกค้าใช้จ่ายมากกว่าที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกในสินค้าหรือบริการเดิม แต่ในขณะเดียวกัน ลูกค้าเองต้องรู้สึกพึงพอใจมากขึ้นเมื่อได้ซื้อสินค้าที่อาจดูว่าคุ้มค่ากว่าเดิม Cross-Sell คือ การขายสินค้าหรือบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าหลัก โดยพนักงานอาจเชียร์ขายสินค้าให้ลูกค้าเพิ่มเติม เพื่อสร้างโอกาสในการขายให้มีมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้คนที่อยากทำธุรกิจย้อนกลับมาสำรวจตัวเองอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เราก่อตั้งเองหรือซื้อแฟรนไชส์มาก็มีข้อดีข้อเสียในตัวของมันเอง ฉะนั้น การทำธุรกิจจะต้องวางแผนกันยาว เริ่มด้วยการวางแผนในกระดาษ จะได้รู้ว่ากำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ จะได้ไม่ต้องเจ๊งในชีวิตจริง ข้อดีของหนังสือเล่มนี้คือการยกตัวอย่างจากธุรกิจหลายแบบ ไม่ใช่แค่ธุรกิจร้านอาหารที่ผู้เขียนถนัดเพียงอย่างเดียว จึงทำให้เราเห็นภาพกว้างขึ้นมาก จริงอยู่ การวางแผนในกระดาษไม่ได้แปลว่าจะป้องกันธุรกิจเจ๊งได้ 100% เพราะมีปัจจัยเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้เสมออย่างโควิด 19 ที่แพร่ระบาด แต่อย่างน้อยก็วางแผนก็ช่วยลดความผิดพลาดได้ และมีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง เครดิตภาพ ภาพปก โดย wirestock จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย Racool_studio จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย pressfoto จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ RESTAURANT BIBLE คัมภีร์เริ่มต้นธุรกิจร้านอาหาร รีวิวหนังสือ เขียนแผนธุรกิจให้รวย (Writing Winning Business Plans) รีวิวหนังสือพ่อรวยสอนลูก เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนจะเป็นเจ้าของธุรกิจ (Rich dad's Before you quiz your job) รีวิวหนังสือ ENTREPRENEUR REVOLUTION ผู้ประกอบการคนต่อไปต้องเป็นคุณ รีวิวหนังสือ โรงเรียนสอนธุรกิจ สำหรับคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น (The Business School for people who like helping people) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !