แอฟริกา ขาดแคลนวัคซีนโควิด-19 หลังโครงการ COVAX ยกเลิกการจัดส่ง

Africa: องค์การอนามัยโลก แถลงในวันพฤหัสบดี (16 กันยายน) ว่า แอฟริกาเผชิญกับการขาดแคลนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 470 ล้านโดสในปีนี้ หลังพันธมิตรโครงการ COVAX ยกเลิกการจัดส่ง ไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ เพิ่มความเสี่ยงการอุบัติขึ้นของไวรัสกลายพันธุ์และอันตรายถึงชีวิต 

โดยขณะนี้ มีเพียง 17% เท่านั้นของประชากรในทวีปแอฟริกาที่จะได้ฉีดวัคซีนภายในสิ้นปีนี้ เมื่อเทียบกับ 40% ที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ตั้งเป้าไว้ จากการแถลงประจำสัปดาห์ของ WHO ประจำแอฟริกา ในกรุงบราซาวีล เมืองหลวงสาธารณรัฐคองโก
มัตชิดิโซะ โมเอตติ ผู้อำนวยการ WHO ประจำแอฟริกา กล่าวว่า ความไม่เท่าเทียมกันและความล่าช้าอย่างรุนแรงในการจัดส่งวัคซีน มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนหลายพื้นที่ในแอฟริกาให้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์ที่ดื้อต่อวัคซีน ซึ่งอาจส่งผลให้ทั่วโลกกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีก

ทั้งนี้ เนื่องจากการขาดแคลนวัคซีนทั่วโลก พันธมิตรของโครงการ COVAX ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายอันสูงส่งที่จะให้ทั้งประเทศร่ำรวยและยากจนได้แบ่งวัคซีนกันอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมมากที่สุด จะจัดส่งวัคซีนให้แอฟริกาได้น้อยกว่าที่วางแผนไว้ประมาณ 150 ล้านโดส 

สำนักงาน WHO ประจำภูมิภาค กล่าวว่า เมื่อรวมการขาดแคลนทั้งหมดในแอฟริกา คาดว่าจะอยู่ที่ 470 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้ประชากรเพียง 17% เท่านั้นที่จะฉีดวัคซีนครบโดส

โมเอตติ กล่าวอีกว่า ตราบใดที่ประเทศร่ำรวยกีดกัน COVAX ออกจากตลาด แอฟริกาจะพลาดเป้าหมายการฉีดวัคซีน
WHO แถลงว่า การลดเป้าหมายในการฉีดวัคซีน มีขึ้นขณะที่ทวีปแอฟริกามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทะลุ 8 ล้านรายในสัปดาห์นี้ 
WHO แอฟริกา ระบุว่า แอฟริกาควรจะได้รับวัคซีนผ่านโครงการ COVAX ประมาณ 95 ล้านโดสในเดือนกันยายนนี้ แต่แม้ว่าจะรื้อฟื้นการขนส่ง แอฟริกาก็สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เพียง 50 ล้านคนเท่านั้น หรือคิดเป็น 3.6% ของประชากรทั้งหมด