BEM โบรกฯ มองขึ้นค่าโดยสาร MRT หนุนราคาเฉลี่ย,ลุ้นสายสีส้มเพิ่มมูลค่าอีก 1.35 บาท

ทันหุ้น -บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่ามีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จากกรณีที่สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน กำหนดให้ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารทุก 2 ปี ซึ่งอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่ใช้ปัจจุบันครบกำหนดปรับขึ้นราคาโดยอัตราค่าโดยสารใหม่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564 เป็นต้นไป (ถ้าครม.ไม่มีการขยายมาตรการช่วยค่าครองชีพประชาชน) 

โดยอัตราค่าโดยสารใหม่ เริ่มต้น 17 บาท ขณะที่อัตราสูงสุดยังคงที่ 42 บาท ซึ่งการปรับขึ้นครั้งนี้ ปรับเฉพาะการเดินทางสถานี 1/4/7/10 สถานี โดยปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 1 บาท เช่น สถานีที่ 1 เป็น 17 บาทจากเดิม 16 บาท และสถานีที่ 4 เป็น 24 บาทจากเดิม 23 บาท แต่ถ้านั่ง 2 สถานี อัตราค่าโดยสารยังเท่าเดิมที่ 19 บาทเป็นต้น 

ฝ่ายวิจัยมองบวกต่อ BEM เนื่องจากการปรับขึ้นค่าโดยสารเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ราคาค่าโดยสารเฉลี่ยของ BEM เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 2 ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาค่าโดยสารเฉลี่ยคือระยะทาง (จำนวนสถานี) ที่ผู้โดยสารใช้บริการ และสัดส่วนผู้โดยสารที่ใช้บัตรส่วนลดในการโดยสารรถไฟฟ้า เช่นบัตรนักเรียน และบัตรผู้สูงอายุเป็นต้น 

โดยยังคงคาดราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยปี 2564 เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับปีนี้ เป็น 27.85 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.42 บาท ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 62% เป็น 4.5 แสนคนต่อวัน คาดรายได้จากค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้น 39% เป็น 6,544 ล้านบาท 

กลยุทธ์การลงทุนยังแนะนำซื้อหุ้น BEM ให้ราคาเป้าหมายของปี 2564 ที่ 11.10 บาท  มองว่าผลประกอบการของ BEM ผ่านช่วงแย่ที่สุดจากผลกระทบโควิด-19 มาแล้ว มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีโอกาสจากงานประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางขุนนนท์-มีนบุรี) หาก BEM ชนะจะคิดเป็นส่วนเพิ่มในมูลค่าหุ้นอีก 1.35 บาท

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย ลองประเมินกรณีราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1 บาท จะทำให้ประมาณการปี 2564 มี Upside ดังนี้ รายได้จากค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เพิ่มขึ้นราว 3-4% รายได้รวมเพิ่มขึ้น 1% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3% 

ราคาหุ้น BEM เช้านี้ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 9.40 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 1.62% มีมูลค่าการซื้อขาย 203.49 ล้านบาท