สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกคน วันนี้ฉันอยากพาทุกคนไปชมรั้วมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี หรือ รั้วสีบลู ซึ่งขอแนะนำคณะที่เปิดสอนซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 9 คณะ ได้แก่ คณะศึกษาศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะพยาบาลศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะวิทยาการสื่อสาร คณะรัฐศาสตร์ คณะวิทยาการอิสลาม และบัณฑิตวิทยาลัย แต่ละคณะมีหลักสูตรการเรียนการสอนที่เข้มข้น และมีศักยภาพ ฉันได้ศึกษาอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลา 2 ปี ย่างเข้าปีที่ 3 ในคณะศึกษาศาสตร์ ซึ่งถือเป็นคณะที่เก่าแก่สุดในมหาวิทยาลัย มีวิสัยทัศน์ “เพื่อเป็นองกรค์ผลิตและพัฒนาครูผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีความเข้มแข็งทางด้านวิชาการและการวิจัยของภาคใต้”โดยเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีดังนี้ หลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต (ศึกษาศาสตร์) หลักสูตรศิลปศาสตร์บัณฑิต (ศึกษาศาสตร์) หลักสูตรศึกษาศาสตร์บัณฑิต หลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต และหลักสูตรศิลปศาสตร์บัณฑิต ซึ่งหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต (ศึกษาศาสตร์) และ หลักสูตรศิลปศาสตร์บัณฑิต (ศึกษาศาสตร์) ทั้ง2 หลักสูตรนี้ มีที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย และเป็นอันดับ1 ของมหาวิทยาลัยที่บัณฑิตสอบบรรจุครูได้มากที่สุดในปี2560 รู้สึกภูมิใจในสถาบันแห่งนี้จริงๆ สำหรับใครที่ชื่นชอบคณะดังกล่าวฉันขอแนะนำมหาลัยแห่งนี้เลย ลองเปิดใจดูกันนะ และอยากบอกว่าความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่ย่างเข้ามาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงตามกระแสข่าว แต่ความรู้สึกตอนนี้ช่างต่างกับตอนนั้นเหลือเกิน มันมีทั้งความผูกพันและความทรงจำมากมายในรั้วแห่งนี้หลังจากที่มหาวิทยาลัยสั่งหยุดเรียนเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้กลับไปที่นั่นอีกเลย รู้สึกคิดถึงทุกๆอย่าง วันนี้เลยอยากพาทุกคนมารู้จักกับสถานที่สำคัญๆในรั้วสีบลูเผื่อคลายความคิดถึงและเป็นความรู้ใหม่ของผู้อ่าน และในขณะเดียวกันเป็นการสร้างความคุ้นเคยให้กับคนที่อยากมาเรียนที่นี่ไปพร้อมๆกัน สถานที่แรกที่อยากแนะนำ นั่นก็คือ ลานอิฐ ไม่มีใครที่ย่างเข้ามาในรั้วม.อ.ปัตตานี แล้วไม่รู้จักลานอิฐ ลานอิฐก็คือโรงอาหารนั่นเองซึ่งมีอาหารมากมาย คาวหวาน ผลไม้ เครื่องดื่ม และของกินเล่น มีทั้งอาหารไทยพุทธและมุสลิม มีให้เลือกกันอย่างอิ่มหนำเลยทีเดียวและที่สำคัญกว่านั้นอาหารในลานอิฐถูกมาก ซึ่งเป็นมาตรการทางมหาลัยให้ขายในราคานักศึกษา ทำให้ฉันอิ่มท้อง อิ่มใจ มีเงินเหลือใช้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวเลยแหละสถานที่ต่อมา ลานประดู่ ซึ่งตอนนี้บรรยากาศดูเงียบมาก แต่จริง ๆ แล้วลานประดู่บรรยากาศครึกครื้น รื่นเริงมาก จนบางครั้งที่นั่งไม่พอ ส่วนใหญ่นักศึกษาจะมานั่งทำงาน บ้างก็สอนพิเศษ บ้างก็นั่งโม้จนดึกดื่น ยิ่งช่วงสอบไม่ต้องพูดถึง หรือพูดกันง่ายว่าๆ ลานประดู่ไม่เคยหลับใหลต่อมา กองกิจการนักศึกษา ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเช่นกัน กองกิจการเขาทำอะไรกันบ้าง ก็ให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การกู้ยืมกยศ. การหาทุนให้กับนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นจุดรับของไปรษณีย์ มีแก๊งค์นางฟ้ากันช่วยให้คำปรึกษา และดูแลสุขภาพของนักศึกษากันอย่างถ้วนหน้า คืออยากบอกว่า ใครมีปัญหาอะไรให้มาที่นี่ เขาพร้อมให้การช่วยเหลือ และบริการนักศึกษาทุกคนคือดีสุดๆสถานที่ต่อมา สำนักวิทยบริการ หรือที่ชาวม.อ.ปัตตานีเรียกกันติดปากว่า ห้องสมุดจอนแอฟเคเนดี้ บริการยืม-คืนหนังสือแก่นักศึกษาทุกคน แน่นอนบรรยากาศในห้องสมุดสงบ เย็นสบาย เหมาะในการอ่านหนังสือ จนบางครั้งก็เผลอหลับไป ซึ่งมีทั้งหมด3ชั้น พร้อมห้องละหมาดชายหญิง และคอมพิวเตอร์ให้แก่ผู้ใช้บริการอีกด้วย อยากบอกว่าฉันใช้เวลาอยู่ห้องสมุดจอนเอฟเคเนดี้มากกว่าอยู่หอเสียอีก เป็นทั้งที่อ่านหนังสือและที่นอนสำหรับฉันเลยสถานที่ต่อไป อาคารเรียนรวม19 สร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย รุ่นปู่ย่าตายายเลยแหละ เป็นอาคารเรียนสำหรับนักศึกษาหลากหลายคณะมารวมกัน ว่ากันว่า นักศึกษาหลายคนมักเจอรักในอาคารนี้เพราะเดินชนไหล่กัน พูดแล้วเขินเลยและสถานที่ต่อมา ขอแนะนำ ตีกพรีคลินิกภาพโดย : นักเขียน เป็นตึกที่ฉันเรียนบ่อยมากในช่วงปีที่2 มีทั้งหมด8ชั้น ชั้นล่างสุดจะมีห้องละหมาดและร้านขายเครื่องดื่มเล็กๆ แต่รสชาติอร่อยจนต้องบอกต่อ เวลาเรียนเสร็จฉันมักชวนเพื่อนมานั่งจิบกาแฟด้วยกัน สำหรับฉันแล้วตึกพรีคลินิกเป็นตึกที่น่าเรียนมาก เห็นวิวทะเลที่สวยงามเวลาเรียนฉันมักชะเง้อไปยังหน้าต่างกระจก เพื่อฟังเสียงเรือที่แล่น คลื่นทะเลที่ซัดชายฝั่ง นึกแล้วเป็นภาพบรรยากาศที่น่าประทับใจ และบ่อยครั้งที่ฉันโดนอาจารย์ดุเพราะนั่งใจลอยมัวแต่ชมวิว คือ เป็นห้องเรียนที่บรรยากาศดีสุดแล้วเท่าที่เรียนมาและสถานที่สุดท้าย ที่อยากแนะนำ หอดูนก ว่ากันว่าเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของปัตตานี อยู่หลังมอ.นั่นเอง หอดูนกจะติดกับหาดเลน บรรยากาศโคตรดีเลยแหละ เหมาะสำหรับเดินเล่น ถ่ายรูป ชมนกชมไม้ ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ซึ่งในแต่ละวันมีผู้คนนับหลายพันคนมายังสถานที่แห่งนี้ ทำเอาใครหลายคนติดใจอยากกลับมาเที่ยวอีก และฉันก็อยากเชิญชวนให้ผู้อ่านมาสัมผัสโมเมนต์แบบนี้ อยากให้มาจริงๆ แล้วจะติดใจจนไม่อยากกลับบ้านอีกเลย สุดท้ายประโยคหนึ่งที่อยากบอกให้ทุกคนฟัง “ปัตตานีไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครคิด” ลองเปิดใจ รับฟังสิ่งใหม่ๆมาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วจะเข้าใจ จากใจคนต่างถิ่น ...ภาพปกโดย : suwara และ อาร์ มาภาพที่1 โดย : Suwara / ภาพที่2 โดย : Suwara / ภาพที่3 โดย : Suwara / ภาพที่4 โดย : Suwara / ภาพที่5 โดย : Suwara / ภาพที่6 โดย : Suwara / ภาพที่7 โดย : นักเขียน / ภาพที่8 โดย : อาร์ มา/ ภาพที่9 โดย : อาร์ มา