ฉันยังจำครั้งหนึ่งที่อกหักยับเยินได้ สภาพร่างดูไม่ได้ตาบวมเพราะร้องไห้ตลอดเวลา วัน ๆ ใส่ชุดนอนกอดหมอนเน่า ผมกระเซิงหน้าเศร้าจนแม่ด่า ยิ่งเห็นสภาพตัวเองในกระจกก็ยิ่งรู้สึกไร้ค่า “มิน่าเขาถึงทิ้งเราไป”แต่เมื่อกอบสติขึ้นมาได้ ฉันลุกขึ้นมาตั้งต้นชีวิตใหม่ น้ำหนักลดลงไปจนแต่งตัวได้อย่างใจแบบที่ไม่เคยใส่ได้มาก่อน ฉันไว้ผมยาวทรงใหม่ที่เข้ากับรูปหน้า ยิ่งเห็นตัวเองในกระจกก็ยิ่งเห็นตัวเองมีคุณค่ามากขึ้นทุกวันใครที่ชอบพูดว่า คนเรามันสำคัญที่ใจ รูปลักษณ์ภายนอกไม่สำคัญเท่าไหร่ ฉันจึงขอเถียงขาดใจว่าไม่จริง!บุคลิกท่าทาง ทรงผม เสื้อผ้า คือสิ่งที่ใคร ๆ มองมาเห็นคุณเป็นอย่างแรก สิ่งที่คุณสวมใส่บอกอะไรได้มากมายเกี่ยวกับตัวคุณ พูดง่าย ๆ ว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่เราแสดงออกไป คือการตะโกนบอกใครต่อใครว่าตัวเราที่อยู่ข้างในคือใครกันแน่ลองนึกถึงสตีฟ จ็อบส์ก็ได้ นึกถึงเขาคุณจะนึกถึงเสื้อคอเต่าสีดำเสมอ เห็นเขาในลุคนั้นมันบอกคุณว่าเขาเป็นใคร ฉันตีความว่าเขาคือ “ความเรียบง่ายที่จริงจัง” และเขากำลังบอกคุณว่านี่คือคุณลักษณะผลิตภัณฑ์ที่เขากำลังนำเสนอรูปลักษณ์ภายนอกไม่เพียงเป็นสิ่งที่คนอื่นเห็นคุณด้วยตา แต่คืออวัจนภาษาที่สำคัญ เป็นการสื่อสารทรงพลัง สามารถแนะนำความเป็นคุณก่อนที่คุณจะเอ่ยปากแนะนำตัวเองฉันเคยรู้จักชายหนุ่มนิสัยดี แต่นอกจากจะไม่สนใจการแต่งตัว ทั้งตัวยังเต็มไปด้วยแผลผื่นแพ้ เมื่อทักถามว่าเป็นอะไรเขาก็ไม่ให้ความสนใจ ไม่กินอาหารที่ดีไม่ออกกำลังกาย จนฉันบอกตัวเองว่าน่าเสียดาย ทำไมผู้ชายคนนี้ “ไม่รักตัวเอง” คุณเชื่อไหมว่าจิตแพทย์แอบอ่านคนไข้จากสิ่งที่เห็นภายนอก พวกเขาจะจดบันทึกว่าคนไข้มีบุคลิกลักษณะภายนอกอย่างไร เพราะมันสามารถบอกใบ้ว่าเขามีความรู้สึกยังไงกับตัวเอง สุขภาพกายบอกสุขภาพจิตได้ เสื้อผ้าที่ยับเยิน ผมเผ้าที่มันเยิ้ม เล็บที่ไม่ถูกตัดมาหลายสัปดาห์ บ่งบอกว่าคนไข้อาจมีปัญหาอะไรบางอย่าง การไม่ดูแลสภาพร่างกายมีความหมายมากกว่าที่คิดความรู้สึกดีนั้นเป็นเหมือนบูมเมอแรง ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร ให้ดูแลตัวเองให้ดูดีไว้ เมื่อคุณดูดี คนอื่นจะรู้สึกดีกับคุณ แล้วคุณจะย้อนมารู้สึกดีกับตัวคุณเอง และนี่คือ 3 วิธีดูแลรูปลักษณ์ภายนอกให้ดี เพื่อสร้างความรู้สึกดีภายในให้ตัวคุณ1) แต่งตัวให้ดีไว้ ความมั่นใจจะมาเอง เลิกปฏิเสธว่าการแต่งกายไม่สำคัญ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เปลี่ยนความรู้สึกข้างในของคนใส่ได่อย่างเหลือเชื่อมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Experimental Social Psychology น่าสนใจมาก ๆ ผู้วิจัยพบว่า เมื่ออาสาสมัครใส่เสื้อกาวน์สีขาวซึ่งผู้ใส่เชื่อว่าเป็นเสื้อกาวน์ของแพทย์ ผู้ใส่จะมีความตั้งใจฟังคำถามและตอบอย่างไตร่ตรองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เทียบกับตอนที่ไม่ใส่ หรือใส่เสื้อขาวที่เชื่อว่าเป็นของช่างทาสี จะไม่มีผลอะไรเปลี่ยนแปลงเลย เสื้อกาวน์สีขาวในการทดลองนั้นเป็นมากกว่าแค่เสื้อ เมื่อผู้ใส่สวมมัน ผู้ใส่สวมความเชื่อเข้าไป ความเชื่อจึงเปลี่ยนความรู้สึกของเขาได้จริง ๆ เหมือนเมื่อคุณสวมชุดแดง คุณรู้สึกเชื่อมั่นรุนแรงขึ้นมาทันที สวมสูทสีน้ำเงินทับกลับทำให้คุณสงบนิ่งได้เมื่อคุณแต่งตัวดี คุณจะรู้สึกดี ต่อไปนี้ให้คุณสวมเสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีต ใส่แล้วสวยหล่อ เหมาะเจาะกับตัวคุณ แล้วคุณจะรู้สึกมั่นใจและเปี่ยมไปด้วยความนับถือตัวเอง2) บอกตัวเองว่าคุณตัวใหญ่ แล้วคุณจะตัวใหญ่ขึ้นมาเองสังเกตสิว่าผู้ชายมักไม่ค่อยกลัวอะไร เวลานั่งกางขาแทบจะกินไปสองเก้าอี้ ขณะที่ผู้หญิงมักจะนั่งตัวลีบ เวลาจะยกมือถามอะไร ผู้หญิงจะยกมือขึ้นโบกมือขึ้นนิดเดียวแบบอาย ๆ ขณะที่ผู้ชายยกทั้งแขนแถมโบกไหว ๆ อีกต่างหากผู้เชี่ยวชาญบุคลิกภาพบอกว่าให้คุณรู้สึกว่าตัวคุณใหญ่ แล้วคุณจะใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ ไม่ว่าขนาดตัวคุณจะแค่ไหน ให้เลิกคิดว่าตัวเล็ก หนีบขา ไหล่งุ้มเหมือนเกรงใจ ลองนั่งแบบคนตัวใหญ่ หลังตรงขาทั้งสองวางมั่นคงอยู่บนพื้น ถ้าจะยกแขนก็ชูขึ้นให้เต็มที่ แค่เปลี่ยนท่วงทีแล้วพลังคุณจะเกิดอย่างเหลือเชื่อฝึกยืนนั่งและเดินเหินอย่างคนมั่นใจ แล้วคุณจะกลายเป็นคนมั่นใจขึ้นมาจริง ๆ3) ยิ้มเหมือนคุณแจ่มใส แล้วคุณจะแจ่มใสจริง ๆ การแสดงออกบนใบหน้านั้นสำคัญ ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร ให้ส่งความรู้สึกดีออกไป แล้วมันจะย้อนกลับมาที่คุณใหม่เหมือนบูมเมอแรง ดังนั้น “ยิ้ม” ให้มากเข้าไว้ แจกความแจ่มใสออกไปก่อน เมื่อคนอื่นยิ้มตอบคุณกลับมา คุณจะรู้สึกว่าโลกสดใสขึ้นจริง ๆ“รูปลักษณ์ภายนอก” นั้นสำคัญไฉน ขอปิดท้ายด้วยข้อมูลจากงานวิจัยแล้วกันว่า ผู้ช่วยอาจารย์ที่แต่งตัวแบบอาจารย์จะได้รับความเชื่อถือสูงกว่าผู้ช่วยที่แต่งตัวทั่วไป และผู้หญิงที่แต่งตัวแบบ “แมน ๆ” ไปสัมภาษณ์งานมักได้งานสมใจเสมอคุณล่ะ อยากรู้สึกกับตัวเองยังไง นึกออกแล้วใช่ไหมว่าควรแต่งตัวแบบไหนในวันพรุ่งนี้ภาพจาก Pexelsภาพหน้าปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5