“แม่น้ำในชั้นบรรยากาศ” เตรียมถล่มวอชิงตัน-โอเรกอน สหรัฐฯเสี่ยงน้ำท่วมหนักสัปดาห์นี้

หน่วยงานด้านสภาพอากาศหลายแห่งในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือออกประกาศเตือนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากมวลอากาศชื้นจัดจากปรากฏการณ์ แม่น้ำในชั้นบรรยากาศ (Atmospheric Rivers) จะเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ และก่อให้เกิดฝนหลายระลอก รวมถึงหิมะจำนวนมากบนพื้นที่ภูเขา ตั้งแต่บริติชโคลัมเบียทางตะวันตกของแคนาดา ไปจนถึงรัฐวอชิงตันและโอเรกอนของสหรัฐฯ

คาดว่าปริมาณฝนมากกว่า 200 มม. จะตกลงในพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกของรัฐวอชิงตันและตะวันตกเฉียงเหนือของโอเรกอนภายในวันศุกร์ ขณะที่ในเมืองใหญ่ เช่น ซีแอตเทิลและพอร์ตแลนด์ คาดว่าจะมีฝนสะสม 100–150 มม. ส่วนด้านตะวันตกของเทือกเขาแคสเคดอาจมีฝนมากถึง 400 มม. และพื้นที่สูงเหนือระดับ 1,800–2,100 เมตรอาจมีหิมะตกมากกว่า 1 ฟุต

สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NWS) ได้ประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมในพื้นที่ทางเหนือและตอนกลางของรัฐวอชิงตัน โดยเตือนว่าอาจเกิดน้ำท่วมเมืองและล้นตลิ่งในลำน้ำหลายสาย โดยเฉพาะแม่น้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาแคสเคด สภาพดินอุ้มน้ำอิ่มตัวเพิ่มความเสี่ยงต่อดินถล่มและความไม่มั่นคงของพื้นที่ลาดชันด้วย

ปรากฏการณ์ “แม่น้ำในชั้นบรรยากาศ” (Atmospheric Rivers) เป็นแถบไอน้ำแคบ ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่ออากาศอุ่นชื้นจากเขตร้อนถูกดึงออกสู่ละติจูดกลาง และเมื่อมวลอากาศชื้นปะทะกับแนวเขา ไอน้ำจะถูกยกตัวสูงขึ้น กลั่นตัวกลายเป็นฝนตกต่อเนื่องหรือหิมะ แม้แม่น้ำในชั้นบรรยากาศจะเป็นส่วนสำคัญในวัฏจักรน้ำของสหรัฐฯ แต่ก็เป็นสาเหตุของความเสียหายน้ำท่วมมากถึง 80% บริเวณชายฝั่งตะวันตก และก่อมูลค่าความเสียหายเฉลี่ยกว่า ประมาณ 36,000 ล้านบาทต่อปี (เดิม 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

นอกจากนี้ ภูมิภาคตะวันออกของอิรักและตะวันตกเฉียงเหนือของอิหร่านก็เตรียมรับมือฝนหนักเช่นกัน กระแสลมจากทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้จะพาเมฆฝนจำนวนมากเข้าปกคลุม โดยคาดว่าฝนอย่างน้อย 50 มม. ต่อวัน จะตกบนด้านตะวันตกของเทือกเขา Zagros ตลอดสัปดาห์นี้ เมืองใหญ่ เช่น แบกแดดและเออร์บิลของอิรัก รวมถึงเคอร์มานชาห์และอาห์วาซของอิหร่าน อาจมีปริมาณฝนสะสม 50–150 มม. ภายในสิ้นสัปดาห์ และบางพื้นที่อาจสูงกว่านี้

สภาพอากาศเช่นนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอิหร่านที่เผชิญภาวะภัยแล้งรุนแรงต่อเนื่อง 6 ปี อ่างเก็บน้ำที่ใช้จ่ายน้ำให้กรุงเตหะรานอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 60 ปี เขื่อนอย่างน้อย 19 แห่งอยู่ในภาวะใกล้แห้งขอด โดยปริมาณน้ำในอ่างลดลงต่ำกว่า 5% ของความจุทั้งหมด