ขึ้นชื่อว่าเครื่องปั้นดินเผา ในประเทศไทยก็มีอยู่หลายที่และในแต่ละที่ก็ขึ้นชื่อต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นงานของคนเชื่อสายมอญและที่นี่ก็เช่นกัน งานเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ นครสวรรค์ ก็มีข้อมูลว่าเป็นของชาวมอญที่ได้มาตั้งรกรากในพื้นที่มาหลายชั่วคน และได้นำเอาวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีต่าง ๆ ของชาวมอญติดมาด้วย และหนึ่งในนั้นก็คืองานปั้นดินเผา วันนี้เราจะไปเยี่ยมชมกันดูว่า ที่บ้านมอญนครสวรรค์มีอะไรน่าสนใจบ้างกลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ นครสวรรค์ ตั้งอยู่ที่ บ้านมอญ ต.บ้านแก่ง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เมื่อไปถึงจะพบกับพิพิธภัณฑ์ และแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา ของชาวมอญในพื้นที่ สิ่งที่จะได้เรียนรู้จากที่นี่ก็จะมีตั้งแต่ ขั้นตอนต่าง ๆ ในการสร้างงานออกมาแต่ละชิ้น เริมตั้งแต่การเตรียมดิน ซึ่งดินที่จะนำมาใช้ได้เป็นดินที่มีอยู่ในแหล่งพื้นที่ เริ่มด้วยการนำมาพักดินหมักน้ำคลุมผ้าใบเอาไว้ ให้มีความชุ่มน้ำ ต่อมาก็เอาดินไปใส่ในเครื่องนวดดิน จนได้ดินออกมาเป็นแท่ง แล้วเอาไปทุบลงแท่นปั้น ขึ้นรูปงานปั้น ไปสู่ขั้นตอนการเขียนลาย ลงสี ซึ่งจะมีทั้งลายมาตรฐานไปจนถึงลายประยุกต์ แล้วก็นำไปสู่เตาเผา ด้วยความร้อน 800-1000 องศาเซลเซียส เป็นเวลา สามวัน สามคืน ถึงนำออกจากเตาพร้อมจำหน่ายได้ และในปัจจุบันดินเผาไม่ใช่แค่นำมาเป็น โอ่ง อ่าง กระถางต้นไม้ แต่มันมีการต่อยอดพัฒนามาเป็นผลงานใหม่ ๆ อีกมากมาย จากฝีมือคนรุ่นใหม่ ทั้งอิฐประสาน กระถางปลูกต้นไม้ของประดับขนาดเล็ก และช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาฮิตสุด ๆ ก็บ้านดินเผาหรือว่าบ้านแอร์ หมาแมว เรียกว่าทำกันไม่ทันเลย เดี๋ยวช่วงหน้าร้อนที่จะมาถึงอีกรอบก็คงฮิตอีก ใครอยากได้ให้รีบติดต่อกันก่อนเลย การมาเที่ยวชม ศูนย์เรียนรู้กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ นครสวรรค์ ทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งความเป็นมาของคนในชุมชม วิถีชีวิต วัฒนธรรม การทำมาหากิน อาหาร และยังได้เห็นทั้งการสืบสารและต่อยอดในสิ่งที่ดี เพื่อไม่ใช่แค่ให้สิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่ แต่ยังจะให้พัฒนาก้าวหน้าต่อ ๆ ไป ใครที่สนใจมาเยี่ยมชม ศูนย์เรียนรู้ กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ นครสวรรค์ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลรายละเอียดได้ที่ 099-8853546 ในเวลาทำการ 09.00.17.00 น. สามารถมาได้ตั้งแต่เด็กอนุบาล นักเรียน นักศึกษา กลุ่มบุคคลต่าง ๆ และขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ เอก วิทยากรประจำศูนย์ด้วยครับ รูปบางส่วนจาก กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ นครสวรรค์ https://www.facebook.com/BanmonNakhonSawan/