รถยนต์ไฟฟ้ากับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มันเป็นสิ่งที่ทุกคนรับรู้กันดีว่ามันส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมและสังคม แต่ในความเป็นจริงมันแทบจะเป็นไปได้ยากทีเดียวที่จะเห็นมันวิ่งในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ในตอนนี้เริ่มมีค่ายรถยนต์ผลิตรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% มากขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่สามารถสร้างกระแสหรือความนิยมให้กับคนไทยได้ มันเป็นเพราะเหตุใดกันแน่นะ ?สำหรับอุปสรรคต่าง ๆ ที่รถยนต์ EV ยังไม่เป็นที่นิยมในไทยนั้นอาจจะมีหลากหลายสาเหตุ ดังนั้นเราจะขอสรุปเป็นหัวข้อสำคัญ ๆ ที่น่าสนใจและเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันบ่อย ๆ ดังนี้ครับราคาที่แพงเกินเอื้อม-เทคโนโลยีไม่ล้ำหน้าสำหรับอุปสรรคย่อมมีสาเหตุที่มากันอยู่แล้วล่ะครับ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่รถประเภทนี้ต้องก้าวข้าม ต้องตีโจทย์คนไทยให้ได้ โดยสาเหตุที่มันยังไม่นิยมก็คงเป็นเพราะราคาของมันครับ ถึงจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนประกอบน้อยกว่ารถน้ำมัน แต่ด้วยวัสดุในการผลิตที่ต้องให้ความปลอดภัยเกี่ยวกับแบตเตอรี่ต้องใช้ต้นทุนที่สูง บวกกับรถไฟฟ้าในไทยจะเป็นการนำเข้ามามากกว่าผลิตเองครับเมื่อมีการนำเข้ามันก็ต้องมีการเสียภาษีนำเข้าที่ค่อนข้างสูง พร้อมกับภาษีอื่น ๆ อีกเช่นภาษีสรรพสามิต ภาษีมหาดไทย ภาษีมูลค่าเพิ่ม หากเป็นรถญี่ปุ่นก็จะเสียภาษีนำเข้า JTEPA ซึ่งเป็นข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างไทย-ญี่ปุ่นต้องเสียอีก 20% และการตั้งราคาให้เกิดกำไรอีก ดังนั้นเมื่อรวมแล้วทั้งหมดราคารถยนต์ย่อมเกินล้านบาทอย่างไม่ต้องสงสัย กรณีของ Nissan Leaf เป็นตัวอย่างที่ดีที่เป็นรถไฟฟ้าแต่มีราคา 1.99 ล้านบาทถ้าหากเป็นรถที่ผลิตจากประเทศอื่นจากจีนก็จะมี MG ZS EV แม้ว่าจะได้สิทธิพิเศษไม่ต้องเสียภาษีนำเข้ามากเกินไป แต่ราคาของมันก็อยู่ที่ 1 ล้านต้น ๆ อยู่ดี มันอาจจะถูกถ้าหากเทียบกับรถไฟฟ้าค่ายอื่น แต่สำหรับมุมมองของคนไทยแล้วมันก็ยังแพงอยู่ดี ยังไม่รวมรถค่ายอื่น ๆ อย่าง Hyundai ของเกาหลีใต้ที่มีรถขับเคลื่อนไฟฟ้าเหมือนกัน (ioniq) แต่ราคาก็ปาไป 1.7 ล้านบาทโดยประมาณการที่เปิดตัวรถด้วยราคาแพง บวกกับออฟชั่นที่ไม่ได้มีมากกว่ารถน้ำมันปกติที่มีราคาถูกกว่า มันก็เป็นเรื่องปกติที่คนส่วนใหญ่ยังจะเลือกใช้รถยนต์น้ำมัน แม้ว่ามันจะก่อมลพิษให้มากกว่าก็ตาม อีกอย่างที่รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่สามารถสร้างกระแสได้ก็คือ เทคโนโลยีการผลิตรถแบบนี้ในไทยไม่ล้ำหน้าเท่าประเทศอื่น ๆ จึงต้องนำเข้าอย่างเดียว บวกกับการผลิตไฟฟ้าในไทยที่ยังใช้ถ่านหินซึ่งยังไม่ใช่พลังสะอาดแท้จริง เลยทำให้อนาคตของการใช้รถ EV ในไทยไม่ค่อยสดใสนักการสนับสนุนของภาครัฐไม่มากพอยังไม่หมดแค่นั้นครับ การสนับสนุนจากภาครัฐเองก็ยังไม่เพียงพอหรือไม่สามารถกระตุ้นให้คนหันมาใช้งานได้ การสนับสนุนหัวจ่ายไฟฟ้าที่ยังมีจำกัดจำเขี่ย มีแต่เฉพาะในเมือง การรองรับจุดชาร์จไฟฟ้าตามที่พักซึ่งคนที่ใช้รถ EV อาจจะต้องขอมิเตอร์เพื่อติดตั้งแท่นชาร์จเพิ่มเติมอีก ตรงจุดนี้ก็เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน เมื่อไม่มีการสนับสนุนหลักก็ยากที่จะเกิดกระแสหรือแรงกระตุ้นครับมันขัดกับวิถีชีวิตของคนที่ใช้รถเดินทางเป็นหลักหรือใช้ท่องเที่ยวในที่ไกล ๆ ซึ่งรถแบบนี้ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ดีนัก อีกทั้งด้วยลักษณะคนไทยที่ชอบอะไรที่ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก เมื่อเจอข้อจำกัดของรถ ย่อมทำให้หลายคนตีตัวออกห่างทันที ก็จะเหลือแต่คนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีหรือคนมีฐานะไม่เดือดร้อนเรื่องเงินแทนรูปทรงไม่โดนใจอุปสรรคอีกอย่างที่อาจจะไม่สำคัญแต่ก็มีส่วนเช่นกันคือ รูปทรง-ดีไซน์ รถประเภทนี้ส่วนใหญ่จะออกแบบให้เป็นรถขนาดเล็ก-กลาง ใช้สำหรับขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ตัวรถอาจไม่ได้ออกแบบมาเพื่อขนของหรือมีรูปทรงปราดเปรียวเท่าไหร่ ในส่วนนี้มันก็มีผลเหมือนกันในการตัดสินใจเลือกซื้อรถ จากข้อมูลของ MGROnline ทางนักการตลาดชี้ว่าพฤติกรรมผู้ซื้อเน้นความรู้สึก (การออกแบบตรงกับไลฟ์สไตล์) มากกว่าเหตุผล ยิ่งสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ต้องแตกต่าง ไม่เหมือนใครและเป็นตัวของตัวเองเมื่อรถ EV มีรูปทรงการออกแบบที่ไม่โดนใจก็เป็นเรื่องยากที่จะได้ลูกค้าใหม่ ๆ แต่เรื่องพวกนี้ก็ขึ้นกับรสนิยมครับ เพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน Hybrid ยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่าดังนั้นแล้วในตอนนี้จึงเป็นเรื่องยากที่ความนิยมของรถ EV จะโด่งดังเฟื่องฟู ก็คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยในการพัฒนาปรับปรุง แม้ว่าตอนนี้รถไฟฟ้าล้วนจะไม่ใช่ทางเลือกหลัก แต่กระนั้นคนไทยจำนวนมากก็ตื่นตัวเรื่องนี้พอควร จะเห็นได้ว่าปริมาณรถยนต์แบบ Hybrid เป็นที่ยอมรับและวิ่งบนท้องถนนมากพอ ๆ กับรถน้ำมันงานนี้ก็ต้องอยู่กับนโยบายภาครัฐแล้วว่าในอนาคตจะสนับสนุนพลังงานทางเลือกมากน้อยแค่ไหน หากต้องการจะสร้างแรงจูงใจคงต้องมีการลดหย่อนภาษีหรือมีส่วนลดที่น่าสนใจ ประกอบกับการเพิ่มภาษีสำหรับรถยนต์เก่า ก็น่าจะเป็นตัวช่วยให้ผู้คนเปลี่ยนพฤติกรรมไวขึ้น แต่สิ่งที่แน่ชัดก็คือในอนาคตอีก 10 หรือ 20 ปี รถยนต์ไฟฟ้า EV จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนที่มารูปภาพ: รูปภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4 / รูปภาพ 5