อิสราเอล ประกาศล็อกดาวน์รอบ 2 รับมือโควิด-19

วันนี้( 14 ก.ย.63) นายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮู กล่าวว่า อิสราเอลจะเริ่มการปิดเมืองทั่วประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไปเพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 หลังเกิดการระบาดระลอกสอง จนจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทะลุ 4,000 คนในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเฉพาะในวันเสาร์ ที่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ถึง 2,715 คน

โดยในช่วงการปิดเมืองที่จะมีขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของชาวยิว ผู้คนจะถูกห้ามเดินทางออกนอกรัศมี 500 เมตรจากบ้านของตน แต่จะสามารถเดินทางไปยังที่ทำงานที่ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการอย่างจำกัดได้ ห้ามรวมตัวในที่ร่มเกิน 10 คน และห้ามรวมตัวในที่แจ้งเกิน 20 คน โรงเรียนและห้างสรรพสินค้าจะปิดให้บริการ แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายยาจะยังคงเปิดให้บริการ ขณะที่สถานที่ราชการจะมีข้าราชการทำงานน้อยลงแต่สำนักงานและธุรกิจเอกชนสามารถเปิดทำการได้ หากไม่ต้องรับลูกค้า 

มาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้ใหม่นี้ ถือเป็นมาตรการรุนแรงที่สุดที่อิสราเอลใช้ นับตั้งแต่การล็อกดาวน์ครั้งแรกช่วงปลายเดือนมีนาคมและสิ้นสุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งนายเนทันยาฮูยอมรับว่า มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่จะส่งผลให้เกิดความยุ่งเหยิงและวุ่นวาย ที่จะเกิดขึ้นกับชุมชนชาวยิวที่จะเฉลิมฉลองวันหยุดทางศาสนา ซึ่งตามปกติแล้วครอบครัวจะได้กลับมารวมตัวกัน ขณะที่การจำกัดการรวมตัวในที่ร่ม จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประชาชนที่จะเข้าไปทำพิธีทางศาสนาในโบสถ์ยิวด้วย 

การประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูทำให้เกิดกระแสต่อต้านขึ้นภายในรัฐบาล โดยนายคาคอฟ ลิตซ์มัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเคหะ ผู้นำพรรคชาวยิวเคร่งศาสนา กล่าวว่า มาตรการนี้จะทำให้ชาวยิวไม่สามารถเฉลิมฉลองเทศกาลทางศาสนาต่างๆ ได้ รวมถึงพิธียมคิปปูร์ ในวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในปฏิทินชาวยิว เขายังประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อประท้วง และขู่จะถอนพรรคของเขาออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่กระทรวงการคลังอิสราเอลคาดว่า การล็อกดาวน์รอบใหม่นี้จะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งตอนนี้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วกว่า 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เริ่มขึ้น อิสราเอลพบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 153,000 คน มีผู้เสียชีวิตสะสม 1,108 คน

เกาะติดข่าวที่นี่