R&I คงอันดับความน่าเชื่อถือไทยไว้ที่ A-
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือนางแพตริเซีย มงคลวนิช เปิดเผยว่า บริษัท Rating and Investment Information, Inc. (R&I) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น จัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้และผู้ออกตราสารหนี้ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ระดับ A- และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)
โดยแม้ว่า การระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว แต่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการทางการเงินและการคลัง ประกอบกับ กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตด้านอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ผ่านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยและการบริโภคเริ่มฟื้นตัว โดยการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัว
และนอกจากนี้รัฐบาลได้จัดทำงบประมาณแบบขาดดุล ดำเนินมาตรการทางการคลังเพื่อแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 65 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 61
นอกจากนี้ R&I ระบุว่า เชื่อว่ารัฐบาลยังคงรักษาเสถียรภาพทางการคลังและใส่ใจต่อภาระหนี้สาธารณะ ภายใต้พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ในระดับที่เหมาะสม
ด้านภาคการเงินต่างประเทศ คาดว่าปี 65 ประเทศไทยจะยังคงขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เนื่องจากรายได้ภาคการท่องเที่ยวลดลง ต้นทุนด้านการขนส่งเพิ่มขึ้นจากผลกระทบของราคาน้ำมัน การขาดแคลนของเซมิคอนดักเตอร์ และการล็อคดาวน์ระลอกใหม่ของสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ในปี 66 ดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเกินดุลจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการลดลงของราคาพลังงาน
ส่วนประเด็นที่ R&I ให้ความสนใจและติดตามใกล้ชิด คือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบนโยบายด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรทำให้วัยทำงานลดลง ดังนั้น รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการเชิงรุกในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวและผลักดันให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศ ถึงจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE
ที่มาภาพ : TNN