BANPU 'กสิกรไทย' คาดกำไร Q3/65 โต 320% เชียร์เก็บชู upside 30%
#BANPU #ทันหุ้น - บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU แนะนำ “ซื้อ” ด้วยเป้าหมาย 16.0 บาท จาก upside ต่อราคาเป้าหมายปัจจุบัน 30% แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังที่ดี ราคาถ่านหิน/ก๊าซที่คาดสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว และราคาหุ้นที่ไม่แพง คาดกำไรไตรมาส 3/2565 ที่ 1.47 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น YoY, QoQ จากการปรับตัวดีขึ้นของทุกหน่วยธุรกิจ และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น แนวโน้มไตรมาส 4/2565 ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้า ดังนั้น ประมาณการกำไรปี 2565 ของฝ่ายวิจัยจึงมี upside
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/2565 ของ BANPU จะอยู่ที่ 1.47 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 320% YoY และ 15% QoQ จากการปรับตัวดีขึ้นของทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และไฟฟ้า จากราคาขายเฉลี่ย(ASP) ที่เพิ่มสูงขึ้น ปริมาณการขายที่มากขึ้น รวมถึง อัตรากำไรของโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศจีนที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ ไม่มีการรับรู่กำไรพิเศษจากการเข้าซื้อกิจการ (5.6 พันลบ.) เหมือนในไตรมาสก่อน ขณะที่คาดว่า BANPU จะรายงานผลขาดทุนจากจากการป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น 5% QoQ เป็น 1.06 หมื่นลบ. แต่ปัจจัยลบเหล่านี้ได้รับการชดเชยบางส่วนจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น 1.0 พันลบ.เป็น 2.9 พันลบ. เนื่องจากค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง
หนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของทุกหน่วยธุรกิจ หากไม่รวมรายการพิเศษต่าง ๆ กำไรปกติของ BANPU น่าจะอยู่ที่ 2.24 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 181% YoY และ 45% QoQ โดยสำหรับธุรกิจถ่านหิน คาดว่า ASP ของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้น 71% YoY และ 9% QoQ เป็น 170 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ขณะที่ปริมาณการขายถ่านหินอินโดนีเซียและออสเตรเลียรวมกันคาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% QoQ เป็น 6.8 ล้านตัน ในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดว่า ASP จะเพิ่มขึ้น 11% QoQ เป็น 7.4 ดอลลาร์ฯ/mmbtu ขณะที่ปริมาณการขายก๊าซเพิ่มขึ้น 23%QoQ เป็น 80 Bcfe จากการรวมผลการดาเนินงานของโครงการก๊าซ XTO เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก นอกจากนี้ ธุรกิจไฟฟ้า คาดว่ากำไรปกติก็จะดีขึ้น 50% QoQ จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้า SLG และ CHP ในประเทศจีน
สำหรับแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2565 คาดว่ากำไรปกติของ BANPU จะทรงตัวหรือปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย QoQ เนื่องจากการปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้าน่าจะมีน้ำหนักมากกว่าผลกาไรที่ลดลงของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจถ่านหินของบริษัทฯ จะได้ประโยชน์จากราคาขายและปริมาณการขายถ่านหินที่สูงขึ้นอีกในไตรมาส 4/2565 จากการขายถ่านหินคุณภาพสูงที่มากขึ้น และเป็นช่วงฤดูแล้งในประเทศผู้ผลิต ในขณะเดียวกัน ธุรกิจโรงไฟฟ้าในจีนคาดจะมีกาไรที่ดีขึ้นจากการขายไอน้ำที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว รวมถึง ผลขาดทุนที่ลดลงของโรงไฟฟ้า SLG อย่างต่อเนื่อง ตัวแปรที่สำคัญต่อผลกำไร คือราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ (-23% QTD) และ ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ฯ ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
ด้านประมาณการกำไรปี 2565 ของฝ่ายวิจัยเป็น upside จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2565 ดังกล่าว จึงคาดว่ากำไร 9 เดือนแรกปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3.78 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 493% YoY คิดเป็น 85% ของประมาณการทั้งปีของฝ่ายวิจัย เนื่องจากคาดว่ากำไรไตรมาส 4/2565 จะทรงตัว QoQ ประมาณการกำไรปี 2565 ของฝ่ายวิจัยนั้นจึงมี upside
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 16.0 บาท จาก upside ต่อราคาเป้าหมายปัจจุบันของฝ่ายวิจัยที่ 16.0 บาท ที่สูงถึง 30% และราคาหุ้น BANPU ที่ซื้อขายที่ EV/EBITDA ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง 3 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อยในเชิง PBV ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ BANPU โดยปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้นในระยะสั้นได้แก่ กำไรที่ปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง และแนวโน้มราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่อาจปรับตัวดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวจากความต้องการใช้ที่สูงขึ้น