'บิ๊กตู่' เคาะแจกเงินเยียวยาแรงงาน โครงการ 'ม.33 เรารักกัน' กว่า 11 ล้านคน คาดเริ่มจ่ายได้ มี.ค.นี้
ผู้ประกันตน ม.33 เฮ ‘บิ๊กตู่’ ไฟเขียวเคาะเยียวยา หลัง รมว.แรงงานชงให้ผู้ประกันตน ม.33 ‘เรารักกัน’ ได้ทุกคน ตั้งเงื่อนไขเดียว เงินฝากเกิน 5 แสนบาทอดรับสิทธิ คาดเริ่มจ่ายได้ มี.ค.นี้
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า นายกรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือแรงงานผู้ประกันตนมาตรา 33 “โครงการ ม.33 เรารักกัน” โดยนายกฯอยากให้ครบทุกคนที่มีสิทธิดังกล่าว
นายสุชาติกล่าวว่า ส่วนเม็ดเงินจะได้คนละเท่าไหร่ และออกมาในรูปแบบไหนนั้น ต้องรอหารือในรายละเอียดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นรูปแบบจะเป็นเหมือนโครงการเราชนะ โดยนำเงินเข้าแอพพลิเคชั่นกระเป๋าตังค์ เพื่อช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย
“ยืนยันว่า คนในครอบครัวมาตรา 33 จะให้ทุกคน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 11 ล้านกว่าคน สำหรับเงื่อนไขผู้ที่จะได้รับสิทธิดังกล่าวนั้น นายกฯให้ความอนุเคราะห์ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอคือคงเหลือเงื่อนไขเดียว คือคนที่มีเงินฝากเกิน 5 แสนบาท จะไม่ได้รับสิทธิ” นายสุชาติกล่าว
นายสุชาติกล่าวว่า ส่วนในประเด็นเงินเดือนต่อปีรวม 3 แสนบาทนั้น ถ้านำประเด็นนี้มาจับ คนที่ทำงานที่เดียวกันบางคนได้รับ แต่บางคนอาจไม่ได้ จึงอาจมีปัญหา และไม่เกิดความสามัคคีในที่ทำงาน จึงคิดกันว่าไม่เอาเกณฑ์เงินเดือนมาพิจารณา เพราะคนที่เงินเดือนสูง ค่าใช้จ่ายก็อาจสูง และคนเงินเดือนน้อย ค่าใช้จ่ายก็อาจน้อย
นายสุชาติกล่าวว่า ตนจึงเสนอนายกฯและ รมว.คลัง ไม่เอาเรื่องเงินเดือนตรงนี้มาจับ ซึ่งนายกฯเห็นด้วยในเหตุผล อย่างไรก็ตาม เงินในส่วนนี้เป็นการใช้เงินกู้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ลำบาก ดังนั้น คนมีเงินฝาก 5 แสนบาทแล้วก็อยากให้เห็นใจเสียสละ ไม่อยากให้มีการมองว่ามีเงินฝาก 5 แสน หรือ 1 ล้านแล้วทำไมมาเอาตรงนี้อีก จึงขอหลักเกณฑ์นี้ไว้หลักเกณฑ์เดียว ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังก็อยากได้เกณฑ์เหมือนโครงการเราชนะ แต่ตนขอนายกฯให้ใช้เกณฑ์เงินฝาก ไม่นำเรื่องเงินเดือนมาพิจารณา ส่วนเม็ดเงินนั้นก็เป็นการใช้เม็ดเงินกู้ก้อนเดียวกับโครงการเราชนะ ไม่ใช่เงินประกันสังคม
เมื่อถามว่า โครงการดังกล่าวจะมีวงเงินต่อคนจำนวนเท่าไหร่ นายสุชาติกล่าวว่า เรื่องจำนวนเงินเดี๋ยวกลับไปทำตัวเลขอีกครั้ง แต่อยู่ประมาณ 3,500-4,500 บาท โดยจะเป็นการแบ่งจ่ายเป็นรายสัปดาห์ เช่นเดียวกับ “เราชนะ” โดยคาดว่าอาจให้ประมาณ 1,000 บาทต่อสัปดาห์ คาดว่าโครงการจะเริ่มจ่ายเงินให้ผู้ประกันตนได้ภายในเดือน มี.ค. นี้
นายสุชาติกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องเงินชดเชยมาตรา 33 จะได้ข้อสรุปภายในวันศุกร์นี้ โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วสุดภายในสัปดาห์หน้า หากไม่ทันก็ถัดไปอีกสัปดาห์หนึ่ง แต่วันนี้ถือว่านายกรัฐมนตรีกดปุ่มอนุมัติทุกคนให้ทั้งหมด โดยขอเงินรัฐบาลมาช่วยในมาตรา 33 ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากนี้จะมีการกดปุ่มเปิดให้ลงทะเบียนออนไลน์ ส่วนคนที่มีแอพพ์เป๋าตังค์อยู่แล้วก็ต้องลงทะเบียนออนไลน์ เพื่อยืนยันสิทธิเช่นเดียวกัน โดยย้ำว่า ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องเข้าหลักเงื่อนไข 3 ข้อได้แก่ เป็นคนไทย, มีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท และเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 ซึ่งคาดว่าจะมีผู้รับสิทธิที่เข้าเงื่อนไขนี้ประมาณ 9 ล้านคน
นายสุชาติกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีฝากไปพิจารณาเรื่องเงินทุนชราภาพให้แก้ปัญหาให้เร็วที่สุด โดยทางออกมี 2 ทาง ในการแก้ปัญหาระยะยาวคือ การแก้ พ.ร.บ. ส่วนการแก้ปัญหาระยะสั้นกำลังหารือกฤษฎีกาตีความอยู่ว่าจะสามารถนำเงินมาลงทุนกับผู้ประกันตนได้หรือไม่ อย่างเช่นกันปล่อยกู้ให้กับผู้ประกันตนในอัตราดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 2 ต่อปี
ขณะเดียวกัน นายสุชาติกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มนักร้อง นักดนตรี ที่เรียกร้องให้ชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นเงินสดว่า ตนเองก็เคยเป็นผู้ใช้แรงงาน บางครั้งมีเงินสดก็เอาไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องใช้เงินสดไว้ใช้ในสิ่งที่ใช้ไม่ได้ เช่น ค่าเทอม ค่าเช่าบ้าน ส่วนการซื้อของกินของใช้ก็ใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังค์แทน ซึ่งต้องรู้จักบริหารจัดการ
เมื่อถามว่า จะเป็นการตีกรอบการใช้เงินหรือไม่นั้น นายสุชาติกล่าวว่า ตามหลักเศรษฐศาสตร์ การเอาเงินออกมาเป็นแสนล้าน สิ่งหนึ่งที่จะกลับเข้ามาจะเป็นการฟูขึ้นของเศรษฐกิจ จะทำให้เกิดการหมุนเวียนในภาพใหญ่และฟื้นตัวโดยเร็ว ขอให้เชื่อมั่น เพราะ รมว.คลังได้คิดมาแล้ว
“ย้ำว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีคิดเพื่อช่วยเหลือแรงงาน นี่คือเจตนารมณ์ กระทรวงแรงงานเป็นผู้ช่วยสนับสนุนข้อมูลในการตัดสินใจ การใช้จ่ายชดเชยเป็นเงินสดเป็นไปได้ลำบาก หากใช้ผิดประเภทก็จะทำให้เจตนารมณ์สูญเปล่า” นายสุชาติกล่าว