รูปภาพหน้าปกโดยผู้เขียน ^ ^ สวัสดีชาวทรูไอดีอินเทรนทุกท่านครับ สำหรับวันนี้ผู้เขียนจะมาเผยเเพร่เรื่องราวความเป็นมา ของวัดที่มีความเก่าเเก่ เเละเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่มาตั้งแต่โบราณกาล วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ภายนอกกำแพงเมืองเชียงใหม่ แต่ก็อยู่ไกล้ ๆ กับประตูช้างเผือกครับ และเป็นวัดอีกหนึ่งวัดของจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความงดงามทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม และวันนี้ผู้เขียนจะพาทุกคน ไปชมภายในวัดแห่งนี้ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ตลอดจนถึงตำนานการสร้างวัด ว่าเริ่มต้นสร้างเมื่อยุคสมัยใด เพราะฉนั้นเราเข้าไปชมพร้อมๆกันเลยดีกว่าครับ ^ ^ ^ ^ วัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดโลกโมฬี ครับ เป็นวัดที่มีความเก่าเเก่ แต่เป็นที่น่าเสียดายครับเพราะไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่าได้สร้างขึ้นในยุคใหน แต่ว่าได้มาปรากฏขึ้นในยุคของ พระยากือนาธรรมิกราช แต่ก็มีอีกประวัติหนึ่งว่า พระเมืองเกษเกล้า ได้ถวายบ้านหัวเวียงไว้สร้างเป็น วัดโลกโมฬี ครับ ซึ่งวัดเเห่งนี้ในสมัยอดีตในยุคของ พระนางจิรประภามหาเทวี ซึ่งพระองค์ทรงขึ้นครองราชเป็นกษัตริย์ลำดับที่ ๑๕ ของราชวงศ์มังลาย พระองค์ได้ใช้วัดแห่งนี้เป็นที่ต้อนรับพระอาคันตุกะ และก็มีประวัติที่สืบเนื่องในยุคสมัยของ พระนางจิรประภามหาเทวี นั้นได้มีพระยาไชยราชาซึ่งเป็นกษัตริย์ในอยุธยาก็ได้ยกทัพขึ้นมาตีเมืองเชียงใหม่ แต่พระนางจิรประภามหาเทวี ก็ได้ทรงพินิจพิจารณาดูแล้วว่า กำลังทัพของเชียงใหม่ไม่สามารถสู้ทัพของพระยาไชยราชาได้ พระนางจิรประภา จึงได้ตกแต่งเครื่องบรรณาการ เมื่อทัพของ พระยาไชยราชา เดินทางอยู่หน้าเมืองเชียงใหม่ พระนางจิรประภาจึงได้จัดเครื่องบรรณาการเอาไปถวาย พระยาไชยราชา เพื่อที่จะต้อนรับเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ครับ ^ ^ พระนางจิรประภา ก็ได้นำ พระไชยราชา มาไหว้ กู่ ของพระเกษเกล้า ที่นี่ครับ และพระไชยราชา ก็ได้ประทานเงินส่วนพระองค์ ทรงถวายไว้กับที่นี่ครับ เพราะฉนั้นแล้ววัดเเห่งนี้จึงเป็นวัดที่สำคัญอีกวัดหนึ่ง ถือว่าเป็นวัดที่ช่วยให้เมืองเชียงใหม่รอดพ้นจากข้าศึกไปในยุคสมัยนั้นครับ เเล้วผู้เขียนจะพาทุกคนเข้าไปดูพระเจดีย์ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่เขาเรียกว่าพระมหาเจดีย์ ที่สร้างในยุค พระเมืองเกษเกล้า จะมีความงดงามยิ่งใหญ่อย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่าครับ ^ ^ ที่นี่คือมหาเจดีย์ วัดโลกโมฬี ครับซึ่งพระธาตุเจดีย์ของวัดแห่งนี้ ได้ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัย พระเมืองเกษเกล้า หลังจากที่พระองค์ได้สร้าง วัดโลกโมฬี ขึ้นมา ก็ได้ทำการสมโภชวัดแห่งนี้ แล้วก็ได้สร้างมหาเจดีย์องค์ใหญ่ไว้กับวัด พร้อมกับพระวิหารเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของคนโดยทั่วไป พระธาตุเจดีย์องค์นี้เป็นอีกองค์หนึ่งที่มีขนาดใหญ่เรียกว่าลอง ๆ จากพระธาตุเจดีน์หลวงเลยก็ว่าได้ครับ และ วัดโลกโมฬี แห่งนี้ครับถือว่าเป็นวัดที่มีประวัติอย่างยาวนาน ตกทอดมาหลายราชวงศ์ กษัตริย์หลายพระองค์ช่วยกันทำนุบำรุง จนมาถึงยุคของ พม่า เข้ามาปกครองในวัดเเห่งนี้ในยุคของ พระนรธาเมงสอ ที่ปกครองเมืองเชียงใหม่ในยุคนั้นครับ แต่กษัตริย์ของพม่าองค์นี้ก็ยังมีความเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาจึงได้อนุรักษ์ วัดโลกโมฬี แห่งนี้ไว้ครับ ^ ^ ต่อจากนั้นมาเป็นลำดับในยุคของ เจ้าอินทวโรรส แล้วองค์สุดท้ายก็คือ เจ้าแก้วนวรัฐ ที่ได้บูรณปฏิสังขรณ์ วัดโลกโมฬี แห่งนี้ครับ แล้วหลังจากนั้นมาตำนานประวัติก็ถูกหายไปไม่มีการบันทึกในประวัติใด ๆ เลย จนมาถึงยุคของ หลวงพ่อพระธรรมเสนาบดี หรือ หลวงพ่อพระราชศิลาจาร ซึ่งหลวงพ่อได้ทำการบูรณะฟื้นฟูวัดโลกโมฬี แห่งนี้ขึ้นครับ แต่เดิมก็ทิ้งไว้ให้เป็นวัดร้างหลายสิบปีครับ จนให้กรรมปศุสัตว์ได้เช่าให้เป็นที่ตั้งของสำนักงานกรมปศุสัตว์ แล้วก็หลวงพ่อพระธรรมเสนาบดี ก็ได้เห็นถึงความสำคัญของวัดเเห่งนี้ก็เลยได้มาฟื้นฟูวัดร้างให้เป็นวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองครับ หลวงพ่อได้เวนขึ้นที่จากกรม ปศุสัตว์แล้วก็มาสร้างวิหารขึ้นแล้วก็มาบูรณะเจดีย์ และสร้างอาคารต่าง ๆ ขึ้นภายในวัดจนถึงปัจจุบันนี้ วัดโลกโมฬี ถือว่ามาถึงในยุคที่มีความเจริญในทุก ๆ ด้าน มีภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่ มีศาสนสถานที่งดงาม แถมบรรยากาศภายในวัดยังมีความเงียบสงบ และร่มรื่นมากเลยครับสำหรับนักท่องเที่ยวสายบุญทุกท่านที่สนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์และความงดงามของวัดแห่งนี้ ท่านสามารถเดินทางมาได้โดยรถยนต์ ส่วนตัว วัดโลกโมฬี อยู่ติดคูเมืองด้านนอก ฝั่งถนนมณีนพรัตน์ ด้านทางเข้าวัดจะติดกับปั๊มน้ำมัน ป ต ท ครับขอให้เที่ยวอย่างสนุกเเละมีความสุขตลอดการเดินทางครับ ^ ^รูปภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน