STARKเคลียร์ฟรีโฟลต เป้าชัดเข้าSET50-MSCI

ทันหุ้น-สู้โควิด-STARK เร่งจัดการเพิ่มฟรีโฟลตในปีนี้ ประกาศชัดเป้าเข้าเกณฑ์คำนวณใน SET 50 และ MSCI ดึงดูดกองทุน ชี้ธุรกิจไฟฟ้าเข้าข่ายเมกะเทรนด์ ทั้งการวางโครงสร้างพื้นฐานประเทศฟื้นเศรษฐกิจ และการก้าวสู่ธุรกิจเทคโนโลยี ธุรกิจในเวียดนามโดดเด่น ชี้ครึ่งปีหลังแนวโน้มดีขึ้นไปอีก ด้านโบรกชี้จากนี้กำไรนิวไฮยาวถึงปี 2564 เป้า 2.52 บาท

นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย หรือ Free Float เพื่อเป้าหมายที่จะเข้าคำนวณใน SET50 และ MSCI ในอนาคต โดยปัจจุบันบริษัทมีฟรีโฟลตแล้ว 11.40% โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มฟรีโฟลตเป็น 20% เนื่องจากต้องการให้บริษัทมีสเถียรภาพของนักลงทุนที่ถือหุ้นครบ ทั้งในส่วนของ สถาบัน ต่างชาติ รายย่อย โดยจะเร่งดำเนินการให้ทันในปีนี้

ทั้งนี้ปัจจุบันมาร์เก็ตแค๊ปของบริษัทสูงกว่ามาร์เก็ตแค๊ปของบริษัทจดทะเบียนใน SET 50 อยู่แล้ว แต่ยังติดในส่วนของฟรีโฟลต์ที่้ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ ซึ่งหากจัดการได้เสร็จก็จะทำให้บริษัทเข้าเกณฑ์การคำนวณได้

สำหรับผลดีของการเข้า SET 50 นั้น จะส่งผลให้กองทุนต่างๆที่อิงกับดัชนี SET50 ทั้งกองทุนในประเทศ และกองทุนต่างประเทศ ต้องมีสัดส่วนการลงทุน STARK เช่นเดียวกับการเข้าสู่ MSCI ส่งทำให้กองทุนระดับโลกเข้าลงทุน

@อุปกรณ์ไฟฟ้าเมกะเทรนด์

ซึ่งทิศทางของบริษัทเองก็นับเป็นบริษัทข้ามชาติธุรกิจเป็น เมกะเทรนด์ พลังงานกระแสไฟฟ้า ที่มีฐานลูกค้าทั่วโลก จากการดำเนินงานธุรกิจสายไฟและเคเบิล ซึ่งได้รับประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ภาครัฐหลายๆ ประเทศต้องกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุน นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการพัฒนาสายไฟไปสู่สินค้าเทคโนโลยี รับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในขณะนี้

สำหรับธุรกิจสายไฟของปัจจุบันมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ผ่าน บริษัท เฟ้ลปส์ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด และช่วงไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมาบริษัทยังได้ซื้อกิจการธุรกิจสายไฟขนาดใหญ่ในเวียดนาม บริษัท Thinh Phat Cables JointStock Company (thipha) และ บริษัท Dong Viet Non-Ferrous Metal And Plastic Joint Stock Company (dovina) เข้ามา ทำให้มีโอกาสทางธุรกิจสูงมากขึ้นไปอีก

เนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนามเองก็มีการเติบโตอย่างตอ่เนื่อง และนับเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่เศรษฐกิจ (จีดีพี) ยังคงเป็นบวก ท่ามกลางสถานการณ์โควิด ทำให้จีดีพีหลายประเทศติดลบ โดยเวียดนามยังต้องการสร้างอินฟาสตรักเจอร์อีกเป็นจำนวนมาก การประมูลสร้างโรงไฟฟ้า ต้องการสายส่งราว 1พันกิโลเมตร

@ ทิศทางกำไรนิวไฮต่อ

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังนั้นก็ยังจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยบริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพโลจิสติกส์ และการผลิตสายไฟในเวียดนาม ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/2563 ก็มีทิศทางที่ดีจากฤดูกาลสั่งซื้อสายไฟจากหน่วยงานการไฟฟ้า ที่จะออกมาค่อนข้างมากในช่วงนี้ โดยยืนยันว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการเมือง

ด้านบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส ระบุถึง STARK ว่าอยู่ในช่วงการเติบโตโดยจะเห็นการเร่งตัวขึ้นของกำไรในครึ่งปีหลัง2563 และต่อเนื่องในปี2564 หลังจากได้เข้าทำ M&A กิจการที่เวียดนาม ซึ่งเห็น Synergy ร่วมกันทั้งในแง่ของขยายฐานลูกค้าเชิงรุกและการลดต้นทุน รวมถึงยังคงมองหา Inorganic Growth จากดีล M&A กิจการอื่นๆเพิ่มเติม

ทั้งนี้STARK รายงานกําไรสุทธิไตรมาส2/2563 เท่ากับ 440.5 ล้านลาท เติบโต 68.8%qoq และ turnaround จากไตรมาส2/2563 โดยมีการบันทึกกำไรจากพิเศษ 224.5 ล้านบาท หลักๆ มาจากกําไรอัตราแลกเปลี่ยน แต่หากพิจารณาเฉพาะกําไรปกติเพิมขึ้น 42.9% มาอยู่ที216 ล้านบาท คงประมาณการกําไรปี 2563 เติบโต 647.4 % yoy มาอยู่ที่ 926 ล้านบาท โดยช่วง 2H63 คาดกําไรจะดีขึน หลังจากที่ ผ่านมา สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศได้มากขึน จึงทําให้คาดจะมีโอกาสขายสายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตาม

โดยเฉพาะในไตรมาส4/2563 ทีปกติแล้วจะมีคําสังซื้อจากภาครัฐอย่าง EGAT นอกจากนียังคาดจะได้ผลบวกจาก synergy ระหว่าง PDITL ซึงมีต้นทุนทองแดง ตํา กับ Thipha และ Dovina ซึงมีต้นทุนค่าไฟและแรงงานตํามาช่วยหนุนอีกแรง ส่วนปี 2564 คาดกําไรจะเติบโตจากการขายสายไฟให้กับลูกค้าภาครัฐและเอกชนเชิงรุกมากขึ้น เหมาะลงทุนระยะกลางถึงยาว รับทิศทางการเติบโตก้าวกระโดดในปี 2564 แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 2.52 บาท อิงพีอี 38 เท่า