“อนุทิน” มั่นใจหน่วยงานมั่นคงภาคใต้ทำงานเต็มที่ - ลั่นเป็นนายกฯ ไม่มีทดลองงาน

วันนี้ (11 ต.ค. 68) เวลา 13.30 น. ที่ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยแสดงความมั่นใจในศักยภาพและความร่วมมือของทุกหน่วยงาน ทั้งกองทัพ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ได้บูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

นายกรัฐมนตรีระบุว่า ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดด้านความมั่นคง โดยเฉพาะการลาดตระเวนและการ “ปิดพื้นที่” หรือซีลจุดเสี่ยงที่อาจถูกใช้เป็นช่องทางหลบหนีของกลุ่มผู้ก่อเหตุ พร้อมยืนยันว่า กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เร่งดำเนินการติดตามคดีปล้นร้านทองในจังหวัดนราธิวาสอย่างเต็มกำลัง

“ทุกตำแหน่งตั้งแต่นายกรัฐมนตรีจนถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่มีช่วงทดลองงาน ทุกคนต้องพร้อมรับมือสถานการณ์ตลอดเวลา เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” นายอนุทินกล่าว พร้อมย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดคือการนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่

ในส่วนของกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้ นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ได้แต่งตั้ง พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตามข้อเสนอของกระทรวงกลาโหมและสมช. ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจา โดยมั่นใจว่าจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพจากประสบการณ์และความเข้าใจในพื้นที่ พร้อมยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน

นายอนุทินกล่าวถึงความสัมพันธ์กับมาเลเซียว่า เป็น “มหามิตร” ที่ให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการผลักดันกระบวนการเจรจาสันติภาพ โดยในวันพรุ่งนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อหารือกับฝ่ายกัมพูชาในระดับรัฐมนตรี หวังนำไปสู่การลดความรุนแรงและสร้างสันติภาพในภูมิภาค

สำหรับท่าทีของรัฐบาลไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา นายกรัฐมนตรีได้ย้ำจุดยืน 4 ข้อชัดเจน ได้แก่

- กัมพูชาต้องถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่พิพาท

- ต้องมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณแนวชายแดน

- ต้องร่วมมือกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

- การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนต้องได้รับการแก้ไขก่อนมีข้อตกลงใด ๆ เพิ่มเติม

“รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญสูงสุดกับความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ยืนยันว่ากองทัพไทยและกระทรวงการต่างประเทศมีศักยภาพเต็มที่ในการรักษาอธิปไตยและสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย” นายอนุทินกล่าวทิ้งท้าย