รีเซต

บิ๊กตู่ ปลื้ม คนละครึ่ง ประสบความสำเร็จ ลดภาระปชช. ตั้งเป้า 1ล้านร้านค้า

บิ๊กตู่ ปลื้ม คนละครึ่ง ประสบความสำเร็จ ลดภาระปชช. ตั้งเป้า 1ล้านร้านค้า
ข่าวสด
7 พฤศจิกายน 2563 ( 09:55 )
121
บิ๊กตู่ ปลื้ม คนละครึ่ง ประสบความสำเร็จ ลดภาระปชช. ตั้งเป้า 1ล้านร้านค้า

รองโฆษกฯ เผย นายกฯ ปลื้มโครงการ คนละครึ่ง ประสบความสำเร็จ ลดภาระประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เปิด 5 จังหวัดที่ใช้จ่ายสะสมมากที่สุด

 

วันที่ 7 พ.ย.2563 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินโครงการ คนละครึ่ง เป็นอย่างมาก ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งประชาชนและร้านค้า สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของประชาชน เงินสะพัดในชุมชน เจ้าของร้านค้า หาบเร่ แผงลอย รถเข็น ต่างก็มีรายได้เพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชันก็สะดวก

 

น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า โดยความคืบหน้าล่าสุด ข้อมูลจากกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 6 พ.ย.2563 มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5.23 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้ว 7.1 ล้านคน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 7,629 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 3,888 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 3,741 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 216 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สงขลา, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ

 

น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า ทางกระทรวงการคลังจะเปิดให้มีการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง รอบ 2 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ช่วงเวลา 06.00-23.00 น. และในส่วนของการเพิ่มจำนวนร้านค้า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุมครม.ไปก่อนหน้านี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงการคลัง ร่วมกันอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย เพราะมีจำนวนมากที่สนใจร่วมโครงการ แต่มีความกังวลเรื่องการทำธุรกรรมผ่านมือถือและวิธีการลงทะเบียน

 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอทั่วประเทศ เร่งประชาสัมพันธ์โครงการ และอำนวยความสะดวกในเรื่องการรับรองว่าเป็นร้านค้าจริง ตั้งเป้าอยากให้มี 1 ล้านร้านค้า จะได้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ที่ผ่านมา จำนวนร้านค้าเพิ่มขึ้นมาก จาก 3 แสนร้าน ช่วงปลายเดือน ต.ค. เป็น 5.23 แสนร้านแล้ว และในจำนวนนี้เป็นหาบเร่แผงลอย มากว่า 7 หมื่นราย

 

"อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นายกรัฐมนตรีกังวลก็คือ การฉวยโอกาสจากโครงการ เช่น การคิดราคาสินค้าที่สูงขึ้นหรือการทำธุรกรรมที่ไม่มีการซื้อขายจริง รัฐบาลจึงขอความร่วมมือจากประชาชนและร้านค้าให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ อย่าให้มีการดำเนินการไปในทางมิชอบ ไม่ทำลายบรรยากาศของการดำเนินโครงการคนละครึ่ง ซึ่งรัฐบาลตั้งใจจริงให้โครงการนี้ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โดยใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและโปร่งใส" รองโฆษกฯ กล่าว

 

รองโฆษกฯ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของธนาคารกรุงไทย ได้วางระบบการป้องกันการทุจริตในกิจกรรมที่เกี่ยวกับการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ไว้แล้ว และจะมีการระงับการใช้แอพพลิเคชันตลอดจนการจ่ายเงินทั้งฝั่งร้านค้าและประชาชนทันที หากพบการใช้จ่ายผิดเงื่อนไข และอาจมีการดำเนินการตามกฎหมายตามความผิดฐานฉ้อโกง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง