นิวซีแลนด์ เล็งเปิดพรมแดนอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วกักตัวที่บ้าน
New Zealand: ทางการนิวซีแลนด์เริ่มอนุญาตให้นักเดินทางที่ได้รับวัคซีนแล้วกักตัวที่บ้าน แทนการกักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลจัดให้
นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ผู้นำนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า รัฐบาลเริ่มอนุญาตให้นักเดินทางกลุ่มย่อยที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว กักตัวเองที่บ้านพัก แทนกักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้ อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเตรียมเปิดพรมแดนอีกครั้ง หลังปิดไปอีกรอบ เพราะเชื้อโควิด-19 กลับมาระบาดอีก
อาร์เดิร์นกล่าวต่อไปว่า โครงการนำร่องดังกล่าว เริ่มในเดือนตุลาคม จะอนุญาตให้นักเดินทาง 150 คน ซึ่งต้องเป็นพลเมืองชาวนิวซีแลนด์ หรืออาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์ ได้รับวัคซีนครบจำนวนแล้วเท่านั้น และว่า รัฐบาลกำลังทำงานด้วยทางเลือกต่าง ๆ เป็นวงกว้าง เพื่อให้ประชาชนกลับบ้านอย่างปลอดภัย
ปัจจุบัน พลเมืองชาวนิวซีแลนด์และคนที่อาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์ ที่เดินทางกลับประเทศนิวซีแลนด์ ต้องกักตัวอยู่ในสถานที่ที่รัฐบาลจัดเตรียมเอาไว้ เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน
ด้าน จอห์น คีย์ อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ วิจารณ์แผนยุทธศาสตร์สู้โควิดของรัฐบาลว่า อยู่บนพื้นฐานของความกลัว พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมอัตราการฉีดวัคซีนให้ประชาชนถึงล่าช้า โดยคีย์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2008–2016 บอกอีกว่า การฉีดวัคซีนเป็นวิธีเดียว ที่จะทำให้สถานการณ์ในนิวซีแลนด์กลับสู่ภาวะปกติ แต่อาร์เดิร์น ปฏิเสธข้อกล่าวหาของคีย์
ทั้งนี้ นิวซีแลนด์ เคยควบคุมการระบาดของโควิดได้เป็นอย่างดีเมื่อปีที่แล้ว และยังคงเป็นเขตปลอดไวรัส จนกระทั่งโควิดสายพันธุ์ Delta แพร่ระบาดในนิวซีแลนด์เมื่อเดือนสิงหาคม ทำให้นิวซีแลนด์ต้องใช้มาตรการจำกัดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์อีกครั้ง ส่วนเมืองใหญ่อย่างโอ๊คแลนด์ ยังคงอยูภายใต้มาตรการจำกัดพื้นที่ และมีรายงานผู้ติดโควิดรายใหม่ทุกวัน
อาร์เดิร์น บอกว่า ประชากรไม่ต่ำกว่า 90% ของนิวซีแลนด์ ต้องได้รับการฉีดวัคซีน ก่อนที่รัฐบาลจะยกเลิกมาตรการจำกัดพื้นที่อย่างเข้มงวด ซึ่งขณะนี้ มีเพียง 43% เท่านั้น ที่ได้รับวัคซีนครบตามจำนวนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางการนิวซีแลนด์ระบุว่า วานนี้ (27 กันยายน ) พบผู้ติดโควิดเพิ่มอีก 12 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในเมืองโอ๊คแลนด์ ส่งผลให้ยอดสะสมผู้ติดโควิดจากการระบาดรอบล่าสุด เป็น 1,177 ราย
ส่วนที่ออสเตรเลีย ประเทศเพื่อนบ้านของนิวซีแลนด์ ประกาศแผนการค่อย ๆ เปิดนครซิดนีย์อีกครั้ง เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีอิสระเสรีในการเดินทางมากกว่าคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน