สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้เราจะพาไปเรียนรู้ 6 ประโยคง่ายๆที่เอาไว้ใช้ทักทายคนญี่ปุ่น อาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างาน เพื่อเพิ่มความประทับใจเล็กๆน้อยให้แก่กันนะคะ1.おはようございます โอะฮะโยโกะไซมัสแปลว่าสวัสดีตอนเช้าหรืออรุณสวัสดิ์ คนญี่ปุ่นมักจะใช้ประโยคนี้ทักทายคนที่ได้พบกันเป็นครั้งแรกของวันนั้นๆ โดยประโยคนี้จะใช้ในเวลาเช้าตรู่จนถึงเวลาประมาณเที่ยงวันเท่านั้น หลายๆครั้งเราอาจจะได้ยินหัวหน้า หรือคนที่มีอายุมากกว่าเราพูดสั้นๆว่า "โอะฮะโย" แน่นอนว่ามันมีความหมายว่าสวัสดีตอนเช้าเหมือนกัน เพียงแต่ความสุภาพจะลดลงนั่นเอง ถ้าในภาษาไทย "โอะฮะโยโกะไซมัส" ก็คงคล้ายๆกับ "สวัสดีค่ะ" ส่วน "โอะฮะโย" ก็คงเหมือน "หวัดดีจ๊ะ" นั่นเอง2.こんにちはคนนิจิวะแปลว่าสวัสดีตอนกลางวัน ใช้กล่าวทักทายคนที่เพิ่งจะพบกันเป็นครั้งแรกของวัน ในช่วงบ่ายๆใช้ไปจนถึงช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่บางครั้งคนญี่ปุ่นก็ใช้ประโยคนี้ตั้งแต่เวลา 9-10 โมง ดังนั้นถ้าหากว่าใครที่จำเป็นต้องไปพบคนญี่ปุ่นในเวลาสายๆ แล้วจำประโยค"โอะฮะโยโกะไซมัส" ไม่ได้ จะพูด"คนนิจิวะ"แทนก็ย่อมได้เหมือนกัน3.こんばんはคนบังวะแปลว่าสวัสดีตอนค่ำ ใช้สำหรับกล่าวทักทายกันสำหรับการพบกันครั้งแรกของวันเช่นกัน แต่ "คนบังวะ" จะใช้ในช่วงเวลาเย็นหรือเวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วนั่นเอง4.おやすみなさいโอะยาสุมินาไซแปลว่าราตรีสวัสดิ์ ใช้ในยามวิกาลเหมือนกันกับ "คนบังวะ" แต่ความหมายไม่เหมือนกันเพราะประโยค "โอะยาสุมินาไซ" เอาไว้ใช้พูดส่งให้คู่สนทนาของเราเข้านอน คล้ายๆกับประโยค "ฝันดีนะ"ในภาษาไทยนั่นเอง5.またねมะตะเนะแปลว่าไว้เจอกันนะ ใช้เป็นคำกล่าวบอกลาที่คนพูดกับคนฟังจะจากกันในช่วงเวลาสั้นๆเช่น 1วัน 5วัน 10วัน 1เดือน แล้วจะกลับมาพบกันใหม่ แต่ถ้าหากเวลายาวนานกว่านั้นเราควรจะใช้คำว่า "ซาโยนาระ"แทนนะคะ ประโยคนี้ควรใช้กับเพื่อน คนสนิทหรือรุ่นน้องเท่านั้น เพราะเป็นประโยคที่ไม่ได้เป็นทางการและไม่ได้สุภาพมาก6. おつかれさまでしたーโอะซึคะเรซะมะเดชตาแปลตรงตัวว่า"ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยมาด้วยกัน"ส่วนใหญ่คำนี้จะใช้ในที่ทำงานหรือใช้เวลาที่มีใครไปทำภาระกิจอะไรกับเรามาทั้งวัน เราสามารถใช้คำนี้แสดงความขอบคุณก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ประโยคนี้มีความเป็นทางการสูง สามารถใช้กับเจ้านายชาวญี่ปุ่นได้ด้วยนะคะสุดท้ายอยากจะฝากไว้ว่า นอกจากภาษาพูดจะสำคัญแล้ว ภาษากายก็สำคัญเช่นกันนะคะ เพราะฉะนั้นเวลาเราจะพูดประโยคใดอย่าลืมแสดงท่าทางให้สอดคล้องด้วยกับประโยคที่พูดด้วยนะคะ ขอบคุณรูปภาพจาก : https://pixabay.com/th/