กฎหมายที่ควรรู้ก่อนที่จะกู้หรือให้ยืม เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ภาวะเศรษฐกิจได้มีความผันผวนเป็นอย่างมากจึงทำให้มีผลกระทบต่อค่าครองชีพในการดำรงชีวิตของประชาชนจึงทำให้ประชาชนนั้นแสวงหารายได้อื่นเพื่อที่จะนำมาใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน หนึ่งในรายได้นั้นก็คือการกู้ยืมเงินโดยไม่ว่าจะเป็นผู้กู้หรือเป็นผู้ให้กู้ก็ตามดังนั้นผู้เขียนจึงนำเสนอข้อกฎหมายที่ควรจะรู้ในการกู้ยืมเงินเพื่อที่จะได้มีความรู้ก่อนที่จะทำสัญญาซึ่งกันและกัน 1.ต้องมีการทำสัญญากู้กันถ้ามีการยืมเงินเกิน2000บาทและจะต้องมีการลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญ มิฉะนั้นจะไม่สามารถที่จะฟ้องร้องเรียกเงินกันคืนได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคแรก 2.ผู้ให้ยืมจะคิดดอกเบี้ยเท่าไรก็ได้แต่ต้องไม่เกินร้อยละ15ต่อปีถ้าคิดดอกเบี้ยเกินดอกเบี้ยนั้นก็จะเป็นโมฆะแล้วอาจจะถูกดำเนินคดีในทางอาญาได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 ประกอบ มาตรา150 ประกอบ พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา มาตรา 3 3.เจ้าหนี้อาจจะได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกในฐานะดอกเบี้ยผิดนัดถ้าลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตรงตามกำหนดเวลาซึ่งเจ้าหนี้จะได้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5ต่อปี ถ้าไม่ได้มีการกำหนดข้อตกลงไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 4. เจ้าหนี้สามารถที่จะทวงหนี้ได้ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด คือระหว่างเวลา 08.00 ถึง 20.00 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ และระหว่างเวลา 08.00 ถึง 18.00 ในวันหยุดราชการ ตามความในพระราชบัญญัติ การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 มาตรา 9 5.ในการทวงหนี้เจ้าหนี้จะต้องไม่ทำการใดอันเป็นการข่มขู่ลูกหนี้ การใช้ความรุนแรง การใช้วาจาที่เป็นการดูหมิ่นลูกหนี้ตามความในพระราชบัญญัติ การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 มาตรา 11 6.เจ้าหนี้ไม่สามารถที่จะยึดทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อที่จะทำการชดใช้ด้วยตนเองแต่สามารถที่จะฟ้องร้องต่อศาลได้มิฉะนั้นจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 7.ในการที่เจ้าหนี้จะฟ้องร้องบังคับคดีเรียกเงินคืนจากลูกหนี้จะต้องทำการฟ้องร้องภายใน 10 ปีนับจากวันครบกำหนดชำระหนี้มิฉะนั้นศาลอาจจะยกฟ้องได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/9 ประกอบ มาตรา 193/30 และมาตรา 193/10 8.ในการที่จะฟ้องร้องเรียกดอกเบี้ยจะต้องทำการฟ้องร้องภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันครบกำหนดชำระหนี้มิฉะนั้นศาลอาจจะยกฟ้องได้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/9 ประกอบ มาตรา 193/33และมาตรา 193/10 9.ในการชำระหนี้ลูกหนี้จะต้องให้เจ้าหนี้ทำการใดๆก็ได้ว่าได้รับชำระหนี้โดยครบถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลงลายมือชื่อว่าได้รับชำระหนี้โดยครบถ้วนแล้ว การมอบเอกสารสัญญาให้ลูกหนี้ ฯลฯ ตามความในมาตรา 653 วรรคสอง 10.ลูกหนี้สามารถที่จะปฏิเสธที่จะชำระดอกเบี้ยได้ถ้าเจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 ประกอบ มาตรา150 ประกอบ พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา มาตรา 3 อ้างอิง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิขย์ พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 เครดิตรูปภาพ ภาพปก ภาพโดย Edar จาก Pixabay ภาพประกอบ 1 ภาพโดย Andreas Breitling จาก Pixabay ภาพประกอบ 2 ภาพโดย WikimediaImages จาก Pixabay ภาพประกอบ 3 ภาพโดย Andreas Lischka จาก Pixabay