ในโลกที่ทุกคนรู้จักกันผ่านข้อความ หลายคนแปลกหน้าในโลกแห่งความเป็นจริง แต่กลับเป็นทุกสิ่งในโลกออนไลน์ เมื่อต้องงัดทักษะการสื่อสารมาใช้จริงในชีวิตประจำวัน เลยไม่แปลกใจว่าทำไมหลายคนสอบตก ขณะที่การพิมพ์แชทกันนั้นดูกลายเป็นเรื่องง่าย มีโอกาสให้เราได้คิดสรรค์คำพูด ไม่ต้องกังวลว่าต้องเห็นสีหน้าอีกฝ่ายนั้นว่ากำลังผิดหวังหรือไม่ เปลี่ยนใจก็ยัง Delete ได้ แต่ในชีวิตจริงทักษะการสื่อสารไม่ได้ง่ายแบบนั้น และมันยังคงสำคัญและจำเป็นเสมอ วันนี้เราได้นำเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับ จิตวิทยาการสื่อสาร 4 ข้อที่จะทำให้ทักษะการเข้ากับคนอื่นนั้นดีขึ้น จากหนังสือขายดีของประเทศญี่ปุ่นชื่อว่า ทำไมคุยกับคนนี้แล้วรู้สึกดีจัง เขียนโดย โยะชิดะ ฮิซะโนะริ01. รู้จักอ่านบรรยากาศก่อนอื่นเลยคุณเป็นคนอ่านบรรยากาศเก่งหรือเปล่า? ทักษะนี้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย เพราะบางคนอ่านสถานการณ์ไม่ออก ซึ่งนั่นเป็นลางบอกเหตุถึงความอันตรายที่อาจมาเยือนคุณได้หากคุณดันถามคำถามที่ไม่เหมาะสมสำหรับเวลานั้นออกไป การอ่านบรรยากาศคือการสังเกตสิ่งรอบ ๆ ตัวคุณ ข่าวสารในช่วงเวลานั้น ที่สำคัญคือการรู้เขารู้เรา คุณควรจะศึกษาประวัติของคนที่อยู่ตรงหน้ามาบ้าง ทำงานอะไร ครอบครัวเป็นอย่างไร เพื่อหลีกเลี่ยงคำถามที่จะไปกระตุ้นให้เขาเกิดความ ไม่ชอบขี้หน้าคุณขึ้นมาได้ หรือปมบางอย่างที่เขาไม่อยากพูดถึง คุณก็ควรจะอ่านเกมให้ออกและเตรียมคำถามดี ๆ ไว้เพื่อบทสนทนาที่ราบรื่นและสร้างความประทับใจให้คู่สนทนาPhoto Credit: unsplash 02. รู้จักตั้งคำถามเมื่อบรรยากาศเป็นใจให้การสนทนาของคุณเริ่มต้นขึ้นแล้ว การเริ่มต้นถามคำถามก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นเดียวกัน บางครั้งคำถามเดียวที่เหมือนกับไปคลิกปุ่มบางปุ่มในใจคู่สนทนานั้นก็ทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาไปไกลอย่างก้าวกระโดด อาทิ คุณศึกษามาว่าคู่สนทนาของคุณชอบเดินทางมาก คุณอาจจะถามถึงทริปที่เขาประทับใจที่สุด หรือทริปที่โหดที่สุด นั่นก็อาจจะทำให้การสนทนาของคุณมีรสชาติขึ้น ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้สวยมากขึ้น คำถามที่คุณจะถามควรเป็นสิ่งที่คู่สนทนาสนใจ ไม่ใช่สิ่งที่คุณสนใจ และเว้นช่วงให้เขาได้เล่าเรื่องของตัวเอง มากกว่าให้เขามานั่งฟังเรื่องของคุณ แค่นี้รับรองว่าคุณจะกลายเป็นคนโปรดของเขาในช่วงเวลาเพียงแวบตาเดียวPhoto Credit: unsplash 03. รู้จักชื่นชมหลายครั้งที่การสนทนานั้นดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีอารมณ์ร่วมใด ๆ นั่นก็อาจจะทำให้คู่สนทนารู้สึกเบื่อได้ สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนชอบคือการเป็นที่รักและชื่นชม ในจังหวะที่เขาเล่าเรื่องราวของตัวเองนั้น แน่นอนว่าไม่มีใครเล่าเรื่องไม่ดีหรอก แต่มักจะเล่าให้เรื่องที่ตัวเองภาคภูมิใจ อาทิ เคยมีโอกาสได้รับโปรเจคใหญ่และทำยอดขายได้ทะลุเป้า แม้ในใจคุณจะคิดอะไรก็ตามแต่ แต่สิ่งที่ควรแสดงออกไป ณ เวลานั้นคือความชื่นชมยินดี ไม่ใช่แค่ หรอครับ ครับ อืม เพราะแน่นอนว่าจะทำให้คู่สนทนาของคุณไม่สบอารมณ์อย่างแน่นอน การชื่นชมแบบพอดี ๆ จะทำให้การพูดคุยไปได้ดียิ่งขึ้น แต่การชื่นชมมากไปก็ทำให้คู่สนทนารู้สึกอึดอัดเช่นกัน ดังนั้นก็ต้องระวังไม่ให้เยอะเกินงามPhoto Credit: unsplash 04. รู้จักทึ่งอยู่บ่อย ๆนอกจากคำชมแล้ว การมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่คู่สนทนาเล่าก็เป็นสิ่งสำคัญ หลายครั้งที่เรานั่งฟังไปเรื่อย ๆ ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ตอบกลับมา ทำให้การสนทนานั้นน่าเบื่อ แถมคู่สนทนาอาจจะรู้สึกว่าคุณไม่ให้เกียรติเขาอีกด้วย เพราะไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เขาเล่าแม้แต่น้อย ดังนั้นการแสดงอารมณ์ร่วมก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่ต้องแสดงให้พอดี ไม่โอเวอร์แอคติงจนเกินไป ต้องรู้จักจังหวะ เช่น ทำได้ขนาดนั้นเชียวหรือครับ เก่งมากจริง ๆ นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นผมจะทำได้อย่างไร แล้วจึงปล่อยให้เขาได้เล่าต่อ ควรเว้นจังหวะให้ดี ไม่พูดขัดหรือพูดแทรกตลอดเวลาเพราะทำให้เสียมารยาทได้ Photo Credit: unsplash ถ้าหากว่าคุณทำได้ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมานี้ รับรองว่าคู่สนทนาของคุณจะต้องประทับใจในการเจอและพูดคุยกับคุณครั้งนี้แน่นอน ทักษะการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญและยังคงจำเป็น เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เรายังต้องการเจอกับคนอื่น ๆ ในสังคมนี้มากกว่าการก้มคุยกันผ่านจอโทรศัพท์ หวังว่ารีวิววันนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนนะคะ ไว้เรามาเจอกันใหม่ครั้งหน้าน้าา :) ขอบคุณหนังสือ: ทำไมคุยกับคนนี้แล้วรู้สึกดีจังเขียน: โยะชิดะ ฮิซะโนะริสำนักพิมพ์: WeLearn