ตั้งแต่เริ่มปี 2020 เป็นต้นมา ดูเหมือนว่าโลกของเราจะมีพาดหัวข่าวใหญ่มากมายไม่เว้นแต่ละวันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ข่าวใหญ่ต่างประเทศที่เพิ่งผ่านมาหยก ๆ ก็อย่างเช่น ข่าวความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านซึ่งมีนักวิเคราะห์มากมายคาดการณ์ว่าอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 แต่หลายคนยังเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัวนัก จนกระทั่งไม่กี่วันถัดมาก็มีข่าวใหญ่ในประเทศ นั่นคือข่าวปล้นร้านทองในลพบุรี ซึ่งมีผู้เคราะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บรวมถึงเสียชีวิตจากฝีมือของผู้ก่อเหตุ ข่าวด้านลบต่าง ๆ ที่พาดหัวรายวันเหล่านี้ล้วนแต่มีเรื่องราวที่ขยับเข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้น อย่างเช่นเรื่องฝุ่นควันที่เป็นปัญหาจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของหลาย ๆ คน และล่าสุดคือเรื่องไวรัสโคโรน่า ซึ่งเป็นข่าวร้ายที่ค่อนข้างมีผลกระทบต่อคนในสังคมไทยพอสมควร หลายคนตามข่าวเหล่านี้มากจนจิตตก หวาดกลัว ตื่นตระหนกกับทุกสิ่งรอบตัว ดังนั้นเราจึงมีแนวทางในการรับมือกับข่าวสารพวกนี้มาฝาก ว่าทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดอาการวิตกกังวลจนเกินเหตุ (เครดิตภาพ pressfoto - Freepik) 1. ติดตามข่าวสารประจำวันบางครั้ง ครั้งละ 10-20 นาที อาจจะเป็นการเช็คข่าวช่วงเช้า หรือบางเวลาตามความเหมาะสม ครั้งละประมาณ 10-20 นาที (ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของข่าวหรือปริมาณข่าวที่อ่าน) แต่ไม่ใช่เช็คข่าวทุก 5 นาที หรือครั้งละนาน ๆ จนไม่เป็นอันทำการทำงานซึ่งนั่นถือว่ามากเกินไป 2. ไม่ค้นข่าวเชิงลึกเกินไป การรับรู้ข่าวสารเปรียบเสมือนดาบสองคม หากเป็นข่าวร้ายและเป็นข่าวที่ใกล้ตัว บางครั้งยิ่งรู้มากยิ่งกังวลมาก ดังนั้นจึงควรตั้งสติให้ดี หากรู้ตัวว่าเป็นคนขี้กังวล ขี้กลัว หวาดระแวง ก็ไม่ควรติดตามข่าวสารจนสุดโต่งจนเกิดอาการแพนิค จิตตก ทำอะไรไม่ถูก อย่างเช่น หากคุณเป็นคนที่อ่อนไหวต่อสัตว์เลี้ยง แล้วได้อ่านข่าวเกี่ยวกับการทรมานสัตว์ คุณอาจจะรับรู้ข้อเท็จจริงไว้ในเบื้องต้น แต่ไม่จำเป็นต้องไปค้นดูรูปสัตว์ที่ถูกทรมานอื่น ๆ เพิ่มเติม หรือตามหาเบื้องลึกเบื้องหลังจนเจอสาเหตุที่คุณอาจรับไม่ไหวหรือกระทบกระเทือนจิตใจ นั่นจะยิ่งทำให้คุณจิตตกเข้าไปอีก 3. อย่าตามข่าวสารแค่ด้านเดียว บางครั้งข่าวร้ายก็น่าสนใจกว่าข่าวทั่วไป เพราะเนื้อหาของข่าวมักจะมีลักษณะที่เป็นปัญหา หลายคนชอบเสพข่าวประเภทนี้เพราะชอบที่จะได้วิพากษ์วิจารณ์ข่าวนั้น ๆ หรือเกิดความอยากรู้อยากเห็นสิ่งต้องห้ามแม้ว่าเนื้อหาของข่าวจะมีความรุนแรงมากก็ตาม เช่น ข่าวคนเสียชีวิตที่มีการเบลอภาพไว้ บางคนก็แอบตามไปค้นหารูปต้นฉบับที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์มาดู เป็นต้น แต่การติดตามข่าวสารแค่ด้านเดียวอาจจะทำให้เกิดภาวะเครียด หรือวิตกกังวลตามข่าวได้ ดังนั้นลองติดตามข่าวสารประเภทอื่นที่เป็นด้านดี ด้านบวกดูบ้าง ให้เป็นเรื่องปกติคละเคล้ากันไป (เครดิตภาพ pressfoto - Freepik) 4. ไม่คิดไปเอง หลายคนที่อ่านข่าวแล้วเกิดอาการจิตตกมักจะชอบจินตนาการถึงเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเอง คิดไปต่าง ๆ นานา ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์นั้นอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ได้ ดังนั้นอย่าคิดไปเอง และควรเตือนตัวเองมากกว่าว่า จงใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท อย่างน้อยก็จะช่วยลดอุบัติเหตุหรืออันตรายอื่น ๆ ลงได้แน่นอน อาการจิตตก วิตกกังวลจนเกิดเหตุนั้นอาจเกิดขึ้นเป็นพัก ๆ เมื่อรับทราบข่าวสารน้อยลงหรือข่าวซาลงอาการเหล่านี้ก็จะหายไปเอง และจะเพิ่มขึ้นตามความอ่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจจากการเสพข่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางครั้งอาจจะส่งผลจนเกิดภาวะความเครียดโดยไม่รู้ตัว จึงควรติดตามข่าวสารอย่างเหมาะสม รู้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นเพื่อความเท่าทันเหตุการณ์ แต่บางเรื่องหากไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องรู้ลึกรู้ละเอียดมากนัก (เครดิตภาพ pch.vector - Freepik) อย่างไรก็ตามเวลาอ่านข่าวนั้น ควรเช็คให้ดีว่าเป็นข่าวลวงหรือไม่ อาจจะใช้วิธีตามสื่อที่น่าเชื่อถือ อ่านข่าวแล้วลองเปรียบเทียบข้อมูลดูว่ามีความคลาดเคลื่อนหรือใกล้เคียงกันมากน้อยแค่ไหน มีข้อมูลชัดเจน มีแหล่งอ้างอิงค้นตามได้หรือไม่ อย่าด่วนมือไวกดแชร์ข่าวโดยที่ยังไม่ได้กรองข่าวให้ดีซะก่อน เพราะนั่นอาจจะทำให้คนอื่น ๆ ได้รับข่าวสารที่ผิด ๆ ตามไปด้วย (เครดิตภาพปก rawpixel.com - Freepik)