รีเซต

เผยต้นตอ ฝุ่นPM2.5 ปกคลุมกทม.มาจากไหน? เมื่อไหร่จะดีขึ้น?

เผยต้นตอ ฝุ่นPM2.5 ปกคลุมกทม.มาจากไหน? เมื่อไหร่จะดีขึ้น?
TNN ช่อง16
2 กุมภาพันธ์ 2566 ( 18:31 )
34
เผยต้นตอ ฝุ่นPM2.5 ปกคลุมกทม.มาจากไหน? เมื่อไหร่จะดีขึ้น?

วันนี้ (2 ก.พ. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สถานการณ์เริ่มรุนแรงตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศที่ปิด ประกอบกับลมต่ำมาก ทำให้ฝุ่นที่หมุนเวียนในกรุงเทพฯ ไม่ได้ระบายออก อีกส่วนเกิดจากต้นกำเนิดฝุ่น ทั้งจากรถยนต์และการเผาชีวมวลด้านนอก โดยพบว่าเกิด Hot Spot เพิ่มขึ้นหลายจุด ซึ่งช่วงเช้ากรมควบคุมมลพิษแจ้งว่าพบมากถึง 1,200 จุด ในพื้นที่ประเทศไทย รวมถึงยังพบในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา ซึ่งจะมาถึงเราโดยตรง ทำให้หลายจังหวัดมีค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

"คาดว่าวันเสาร์-อาทิตย์ สถานการณ์ฝุ่นจะดีขึ้น เนื่องจากลมเปลี่ยนทิศ ซึ่งเรื่องของการพยากรณ์ให้แม่นยำไม่ใช่เรื่องง่ายแต่กทม. ก็กำลังพยายามเรื่องของข้อมูล และตัวแปรต่าง ๆ ให้เต็มที่" ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

พร้อมระบุว่า ขณะนี้พบว่าระบบการเตือนภัยสภาพอากาศมีความแม่นยำขึ้น โดยช่วงต้นสัปดาห์ ได้ประเมินแล้วว่าอีก 3 วันจะมีฝุ่นรุนแรง จึงได้ประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้ามาโดยตลอด เป็นระบบเตือนภัยที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในโรงเรียน และการแจ้งเตือนผ่าน Line Alert ซึ่งปัจจุบันมีผู้ Add แล้วกว่า 100,000 คน อย่างไรก็ดี การปฏิบัติในเบื้องต้นคือการดูแลตนเองอยู่เสมอ โดยการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกพื้นที่กลางแจ้ง

นอกจากนี้ ยังมีแผนฝุ่น ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติที่ กทม.ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง โดยหากค่าฝุ่นละอองสูงเกิน 75 มค.ก./ลบ.ม. ต่อเนื่อง 3 วัน (รวมวันพยากรณ์) จะต้องมีมาตรการดำเนินการ ซึ่งในส่วน กทม. ก็มีคำสั่งให้ Work from Home ในส่วนของเอกชน ก็ให้สำนักงานเขตขอความร่วมมือ โดยจะมีการสรุปเป็นรายงานแจ้งอีกครั้ง ขณะที่ในส่วนราชการอื่นๆ ก็ได้ประสานอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือในการ Work from Home เช่นกัน ซึ่งหากลดลงเพียง 10% จะทำให้การจราจรติดขัดน้อยลง และฝุ่นน้อยลงด้วย

นายชัชชาติ กล่าวว่า การตัดสินใจไม่สั่งปิดโรงเรียนนั้น เนื่องจากเห็นว่าการปิดโรงเรียน จะเป็นการสร้างภาระให้กับผู้ปกครอง เพราะจะไม่มีใครดูแลบุตรหลานที่บ้านให้ แต่หากอยู่ที่โรงเรียน ยังมีครูช่วยดูแลได้ โดยให้อยู่แต่ในห้องที่ปิด สวมใส่หน้ากากอนามัย และมีอาหารรับประทาน

"ถึงแม้จะไม่มีการปิดโรงเรียน แต่ได้เน้นย้ำห้ามจัดกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง และกำกับดูแลให้นักเรียนสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่หากคุณพ่อ คุณแม่เป็นห่วงระหว่างการเดินทาง ก็อนุญาตให้หยุดใน 2 วันนี้ได้" ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว

 พร้อมระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนในช่วงเช้า เช่น โรงเรียนสุเหร่าสามอิน เขตวัฒนา ก็พบว่ามีการใส่หน้ากากอนามัยเรียบร้อยดี อย่างไรก็ดี ผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต มีอำนาจประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข ฯ ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมการเผาในที่โล่งได้ นอกจากนี้ ต้องขอความร่วมมือให้ลดการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง และการจุดธูปเทียน ซึ่งพบว่าขณะนี้ดีขึ้นมาก รวมถึงเรื่องของการควบคุมกิจการก่อสร้างที่ กทม.เป็นเจ้าของโครงการ ที่จะเข้มงวดให้มากขึ้น

"แผนฝุ่นเป็นแผนระดับชาติ สาเหตุหลัก คือรถยนต์ และการเผาชีวมวล กทม.ก็สามารถควบคุมได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่น เช่น การปรับเรื่องเครื่องยนต์เป็นยูโร 5 ยูโร 6 การเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) การพัฒนาประสิทธิภาพขนส่งสาธารณะ การย้ายท่าเรือคลองเตย เป็นต้น ซึ่งหน่วยงานภาครัฐต้องร่วมมือกันทำตามแผนฝุ่นระดับชาตินี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองดีขึ้นในระยะยาว" ผู้ว่าฯ กทม.ระบุ

สำหรับการใช้หน้ากาก N95 อาจจะมีราคาแพงและหายใจยาก ประชาชนสามารถใส่หน้ากากประเภท Surgical Mask ซึ่งสามารถกันฝุ่นได้ประมาณ 60% โดยหากใส่ 2 ชั้น อาจกันฝุ่นได้ถึง 80% และราคาไม่แพง ในส่วนของการออกกำลังกาย ก็ควรออกกำลังกายในร่ม และติดตามพยากรณ์อย่างใกล้ชิด


ข้อมูลจาก : กรุงเทพมหานคร

ภาพจาก : TNN ONLINE 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง