TMTย้ำรายได้นิวไฮ2หมื่นล. ชี้ราคาเหล็กQ4ขึ้นต่อ5-10%

ทันหุ้น – TMT ชี้มองข้ามไปปีงบประมาณ 2565 หนุนดีมานด์เหล็กพุ่ง จากการเดินหน้าโครงการก่อสร้างของภาครัฐ มองปัญหาขาดแคลนเรือขนส่งหนุนราคาเหล็กไตรมาส 4/2564 มีโอกาสขยับขึ้นต่อ 5-10% จากไตรมาส 3/2564 ขณะที่น้ำท่วมกดดันดีมานด์เหล็กระยะสั้น คงเป้าปริมาณการขายเหล็กจะเติบโต 5% มั่นใจว่ารายได้ปี 2564 ยืนเหนือ 20,000 ล้านบาท ทำนิวไฮได้
นายไพศาล ธรสารสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอ็มที สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ TMT ผู้ผลิตและให้บริการเกี่ยวเนื่องผลิตภัณฑ์เหล็กแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ประเมินสถานการณ์แนวโน้มราคาเหล็กในช่วงไตรมาส 4/2564 คาดว่าอาจแกว่งตัวเป็นขาขึ้นได้อีกประมาณ 5-10%เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากปัญหาการขาดแคลนเรือขนส่ง ทำให้การนำเข้าวัตถุดิบมีความล่าช้า รวมถึงค่าขนส่ง ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นอาจเกิดแรง Short Trade ระยะสั้นบ้างทำให้คาดว่าราคาเหล็กขยับตัวขาขึ้นในกรอบแคบๆ ได้
*จับตาดีมานด์ฟื้นปี 65
ด้านสถานการณ์ความต้องการใช้เหล็กในไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะทรงตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2564 หลักๆ เป็นผลมาจากสภาวะทางเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ส่งผลให้โครงการลงทุนหลายโครงการทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนถูกเลื่อนกำหนดการลงทุนออกไป นอกจากนี้ ปัจจัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังส่งผลกระทบต่อดีมานด์อีกด้วย แต่อย่างไรก็ดีมองว่าจะเป็นเพียงในระยะสั้นหลักสัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ร้ายแรงนัก สะท้อนต่อปริมาณขายเหล็กที่มีแนวโน้มทรงตัวต่อจากไตรมาสก่อนหน้า
แม้ว่าโดยปกติในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นไฮซีซันของอุตสาหกรรมก่อสร้าง เนื่องจากเป็นช่วงที่ภาครัฐประกาศงบประมาณลงทุนของปีถัดปี แต่ด้วยในปีนี้ยังมีผลกระทบในเรื่องของวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ดีมานด์ใช้เหล็กอาจยังไม่ฟื้นตัวขึ้นได้ในปลายปีนี้ ซึ่งคงต้องรอดูต่อว่าภาครัฐจะมีการคลายล็อกดาวน์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้มากน้อยเท่าไหร่ รวมถึงจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวได้เร็วแค่ไหน อย่างไรก็ดี เชื่อว่าจะกลับมาเดินหน้าในปีงบประมาณปี 2565ได้
*รายได้ปีนี้นิวไฮ
อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณการขายในปีนี้อาจไม่สูงตามที่คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทยังคงมีความมั่นใจว่าการเติบโตของรายได้ปี 2564 จะไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท ขณะที่กำไรมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 14,628.50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 537.88 ล้านบาท
โดยรายได้จากการขายรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564บริษัททำได้แล้วที่ 10,347.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,027.81 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับราคาเหล็กที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ขณะที่ปริมาณขายคาดทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 5%
*ขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง
ขณะที่แผนการลงทุนนั้น นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันบริษัทเดินหน้าการขยายกำลังการผลิตปีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้งบการลงทุนประมาณ 700-800 ล้านบาท แผนที่จะขยายกำลังการผลิตท่อเหล็กโครงสร้าง ปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 240,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเพิ่มเป็น 300,000 ตันต่อปี มีการปรับปรุงระบบคลังสินค้านำระบบออโตเมชั่นเข้ามาประยุกต์ใช้มากขึ้น คาดว่าจะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น เป็นอีกแรงหนุนการเติบโตให้กับบริษัท รวมถึงปรับปรุงไลน์การผลิตเหล็กแผ่นเรียบพิเศษ กำลังกาผลิต 1.8 แสนตัน คาดดำเนินการเสร็จสิ้นในไตรมาส 1/2565