อีลอน มัสก์ และผู้เชี่ยวชาญในวงการเทคเรียกร้องให้หยุดฝึกปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูง
อีลอน มัสก์ ผู้บริหารบริษัท เทสลา (Tesla) และสเปซเอ็ก (SpaceX) ร่วมกับนักวิจัย บุคคลชื่อดังในวงการเทคโนโลยี ลงชื่อเรียกร้องให้หยุดการฝึกปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูง ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า GPT-4 โมเดลภาษาเวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่พัฒนาโดยบริษัท โอเพนเอไอ (OpenAI) บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท ไมโครซอฟท์ (Microsoft)
รายละเอียดบางส่วนในข้อเรียกร้อง เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของประชาคมโลกในการรับมือกับข้อมูลมหาศาลที่ถูกสร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โฆษณาชวนเชื่อ ความจริงเสมือน การสร้างข่าวปลอม ซึ่งอาจกระทบต่อสังคมคนจำนวนมาก
ผู้ร่วมลงรายชื่อทั้งหมดเสนอให้หยุดการฝึกปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูง ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า GPT-4 เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน เพื่อให้ประชาคมโลกเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ จากปัญญาประดิษฐ์
การรวบรวมรายชื่อผ่านข้อเรียกร้องดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชื่อว่า Future of Life Institute ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมรณรงค์เพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่มีความรับผิดชอบและคำนึงถึงจริยธรรม โครงการดังกล่าวมีแม็กซ์ เทกมาร์ก (Max Tegmark) และยาน ทาลลินน์ (Jaan Tallinn) ผู้ก่อตั้งโปรแกรมติดต่อสื่อสารสไกป์ (Skype) เป็นผู้ร่วมก่อตั้งคนสำคัญ
สำหรับรายชื่อผู้ร่วมการเรียกร้องในครั้งนี้มีประมาณ 1,100 รายชื่อ ประกอบด้วยบุคคลชื่อดังในวงการเทคโนโลยีร่วมลงชื่อจำนวนมาก เช่น สตีฟ วอสเนียก (Steve Wozniak) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งคนสำคัญของบริษัท แอปเปิล (Apple) ในยุคแรก เอมาด มอสตาเก้ (Emad Mostaque) ซีอีโอผู้บริหารของบริษัท Stability AI นักวิจัยของดีปมายด์ (DeepMind) และแอนดรูว์ หยาง (Andrew Yang) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปี 2020
การเปิดตัวบริการแชตปัญญาประดิษฐ์แชตจีพีที (ChatGPT) ในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมาสร้างผลกระทบต่อวงการต่าง ๆ อย่างรวดเร็วและมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านคน ภายในเวลาเพียงแค่ 2 เดือน โดยเป็นแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานเติบโตสูงสุดในประวัติศาสตร์ ปัญญาประดิษฐ์ที่อยู่เบื้องหลังบริการดังกล่าวได้รับการฝึกฝนและจดจำข้อมูลจำนวนมหาศาลเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่ามันเป็น “ความเสี่ยงอย่างร้ายแรงต่อสังคมและมนุษยชาติ”
ที่มาของข้อมูล CNBC
ที่มาของรูปภาพ Reuters