วันนี้! เราจะมาแนะนำหนังสือและแหล่งไอเดียกระตุ้นความคิดและการสร้างสรรค์งานกันค่ะ ไรท์เป็นคนหนึ่งที่ในอดีตเคยเป็นคนที่คิดอะไรไม่ค่อยออก เวลาที่ต้องทำงานสร้างสรรค์ หรือวิชาที่เกี่ยวกับการใช้ไอเดีย อย่างเช่น วิชาศิลปะ ที่คุณครูบอกให้วาดบ้าน ไรท์ก็จะวาดบ้าน ก็วาดไปแบบทื่อๆ นี่แหละค่ะ ไม่รู้ว่าเอ๊ะจริงๆ เราวาดบ้านเป็นขนมก็ได้นะ เราวาดกลีบดอกไม้เป็นกระโปรงในภาพก็ได้นี่นา เวลาที่เรียนคราสมาร์เก็ตติ้ง หรือโมเดลธุรกิจ การออกแบบ ไรท์ก็จะติดกับกรอบเดิมว่าก็วาดนาฬิกาก็คือนาฬิกา ก็วาดรูปทรงสี่เหลี่ยมทื่อๆ ลวดลายอะไรไม่มี ออกแบบบรรจุภัณฑ์ก็วาดกล่องก็คือกล่องสี่เหลี่ยม แต่เราคิดไม่ออกว่า กล่องเป็นรูปดอกไม้ก็ได้นะ ก็พยายามคิดสร้างสรรค์สไตล์ ดีเทล แต่พอทำออกมามันก็ ดูเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำให้มันดูสร้างสรรค์ และน่ารัก สวยงามยกเว้นเครื่องประดับค่ะ เหมือนตอนเด็กไรท์จะชอบมองร้านเครื่องประดับมาก สังเกตลวดลายของมัน จึงวาดออกมาได้เป็นธรรมชาติเสียอย่างนั้น ซึ่งถ้าเราจะรอแต่ความชอบของตัวเองและสร้างสรรค์ออกมา เราก็คงต้องใช้เวลานานและคงจะตันใช่ไหมคะ ดังนั้น จึงต้องสังเกตสิ่งรอบตัว เพื่อมาสร้างสรรค์งานมากขึ้น และประเด็นสำคัญที่เราจะมาคุยกันวันนี้ก็คือ หากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากสร้างทักษะความคิดสร้างสรรค์ หรือกระตุ้นไอเดียให้กับตัวเองในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ลองสำรวจเครื่องมือเหล่านี้ดูนะคะ ที่ไรท์เคยใช้ว่าช่วยคุณได้บ้างหรือไม่ หากแต่ขอแจ้งล่วงหน้านะคะว่า ไรท์เพียงนำเครื่องมือเหล่านี้ที่ช่วยให้ตัวเองสร้างทักษะนี้ขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาและย่นระยะเวลาในการคิดงานนานๆ ให้กระชับเวลาและรวดเร็วยิ่งขึ้น มิได้ต้องการให้ทุกคนต้องทำตาม แต่หากเป็นอีกแนวทางที่หวังว่าจะช่วยคุณในช่วงที่ตกอยู่ในสภาวะคิดอะไรไม่ออกได้เท่านั้นค่ะ1. เครื่องมือที่ชื่อว่า ‘หนังสือ’คำว่า “หนังสือ” ไม่รู้ว่าหลายคนฟังเเล้วจะรู้สึกหนักอึ้งที่หัวไหมว่า ไม่อ่านหนังสือได้ไหม มันดูอึดอัดและเป็นกิจกรรมที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ แต่ว่าจริงๆ แล้ว หนังสือมีหลายประเภทค่ะ หนังสือไม่ได้มีแค่หนังสือเรียน นิยาย หรือว่าการ์ตูน แต่ยังมีหนังสือภาพ หรือนิยายภาพ หนังสือวรรณกรรมเยาวชน หนังสืออัตชีวประวัติ หนังสือพัฒนาตนเองที่เล่าแนวคิดชีวิตแบบนิทาน การ์ตูนให้เข้าใจง่าย หนังสือทั้งหมดที่ไรท์กล่าวมานี้ สไตล์การเขียนและความรู้สึกเหมือนอ่านนิยายเล่มหนึ่งเลยค่ะ เพลิดเพลินไปกับเรื่องราว แต่กลับได้แนวคิดที่อาจจะกระตุ้นไอเดีย หรือพลังในการออกไปสร้างสรรค์งานและใช้ชีวิตเลยก็ว่าได้ อีกทั้ง ยังเป็นประสบการณ์ของผู้เขียน ที่ได้ใช้เวลาชีวิตที่พวกเขาเรียนรู้มา ถ่ายทอดให้กับเรา ช่วยให้เราประหยัดเวลาชีวิตในการเรียนรู้บางเรื่องได้ด้วย เช่น การเรียน จริงๆ แล้วแค่เรารู้จักสมองและธรรมชาติของร่างกายเรามากขึ้นว่าทำงานอย่างไร เราก็จะสามารถจดจำและเข้าใจบทเรียนได้ในเวลาอันสั้นและจำได้ในระยะยาวอีกด้วย หรือการดื่มน้ำก่อนเข้าห้องสอบก็ช่วยให้สมองชุ่มช่ำ คิดอะไรได้ไหลลื่นมากกว่า ดูเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอบเลยใช่ไหมคะ เเต่กลับเป็นพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่มีพลังมาก เอาล่ะค่ะ มาทำความรู้จักกับตัวอย่างหนังสือเหล่านี้กันดูค่ะ ซึ่งทุกคนสามารถเลือกหนังสือเล่มแรก ที่ตัวเองมีความสนใจก่อน ในร้านหนังสือได้นะคะ เลือกสักหนึ่งเล่ม แล้วเดี๋ยวเล่มที่สองจะตามมาเองค่ะ แต่ว่าในระยะยาวการเปลี่ยนแนวอ่านหนังสือให้หลากหลายมากขึ้นก็จำเป็นเช่นกันค่ะ เพราะการอ่านประเภทเดียวซ้ำๆ ก็ทำให้เราเริ่มสมองตันได้เหมือนกันหนังสือที่ไรท์เลือกมาเสริมทัพไอเดียให้กับตัวเอง และให้เราอ่านแล้วไม่เครียดสามารถเพลิดเพลินไปกับเนื้อหาได้ด้วย เป็นหนังสือพักสมอง ที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ ส่วนใหญ่ไรท์จะเลือกอะไรแนวเกี่ยวกับอาหาร การผจญภัย การออกเดินทาง หรือเรื่องที่ฉีกกรอบไปเลย ที่ไม่เคยสนใจ อาทิเช่น ความสามารถของสัตว์ 72 ชนิด ซึ่งไรท์ไม่ค่อยคุ้นเคยกับการรู้จักหรือสนใจว่าสัตว์แต่ละชนิดบนโลกเป็นอย่างไร แต่บางทีอ่านในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ก็ทำให้เราปิ๊ง! ไอเดียบางอย่างขึ้นมาค่ะ ทั้งที่มันไม่เกี่ยวโดยตรงกับเรื่องที่เราอ่านเลย I. หนังสือเล่มแรก แนะนำเป็นหนังสือคลาสสิควรรณกรรม เป็นวรรณกรรมที่อยู่ในวัยไหนอ่านก็สนุก พักสมองวางเรื่องราวของตัวเองและเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ จากอีกซีกโลกหนึ่ง หนังสือชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ เขียนโดย ลอร่า อิงกัลล์ส ไวล์เดอร์ลองอ่านดูชื่อปกแต่ละเล่ม เราสนใจเรื่องราวอะไร ลองสุ่มมาอ่านสักเล่มค่ะ ด้านหลังของหนังสือจะมีเรื่องราวกระชับสั้นๆ ให้อ่าน ดูว่าเราสนใจไหม ถ้าสนใจก็ลองอ่านเรื่องราวเหล่านั้นดูค่ะ ไรท์ไม่คิดเลยว่าจะได้มารู้จักประวัติของป็อปคอร์น ที่ว่ามาจากชาวอินเดียแดงจากในหนังสือชุดนี้ มันดูเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาพบเรื่องราวเหล่านี้ ปกติเราอยู่ๆ ก็คงไม่กดกูเกิลและเสิร์ชเพื่อที่จะหาว่า ป็อปคอร์นมจากไหน ถ้าเราไม่ได้สนใจจริงๆ แต่ในหนังสือชุดนี้ เป็นประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่พบกับอินเดียแดงตัวเป็นๆ วิ่งเข้ามาในบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่หาอ่านได้ไม่ง่ายเลย และเรื่องราวการเดินทางของชีวิตลอร่า ในสมัยที่อเมริกายังไม่ออกโฉนดที่ดินให้ประชาชน เเละภายหลังถึงได้เริ่มมีโฉนดที่ดินให้จับจองเป็นกรรมสิทธิ์ เห็นไหมคะว่า ไรท์ไม่ได้ไปอ่านหนังสือประวัติศาสตร์อเมริกาเลย แต่กลับได้รู้เรื่องราวอเมริกาสมัยบุกเบิกดินแดนและการสร้างทางรถไฟใหม่ๆ จากประสบการณ์ชีวิตของผู้เขียนในสมัยนั้น แต่เขาเขียนและเล่าออกมาให้เราอ่านได้อย่างเพลิดเพลิน II. เล่มที่สอง ความลับของนางฟ้า เขียนโดย โตมร ศุขปรีชา เด็กชายนักกวาดปล่องไฟ ไรท์จำได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากเป็นหนังสือในห้องสมุดของโรงเรียนไม่ได้เป็นเล่มที่ซื้อเอง จึงกลับไปดูเนื้อหาไม่ได้ แต่เป็นเรื่องหนึ่ง ที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกนี้ นักกวาดปล่องไฟ เกี่ยวกับครอบครัวยากจนในสมัยนั้นของอังกฤษ เพราะปล่องไฟมีขนาดเล็ก หากจะให้ผู้ใหญ่ตัวใหญ่ๆ เข้าไปกวาดก็คงไม่ได้ จึงเป็นที่มาของการนำเด็กมาใช้เเรงงาน และอีกหลายเรื่องราว III. เล่มที่สาม คาเฟ่ลูส เมนูที่รักจากการเดินทาง สิ่งที่ไรท์ชอบของหนังสือเล่มนี้ก็คือ เจ้าของร้านคาเฟ่ลูส มักจะปิดร้าน 1-2 สัปดาห์ของทุกเดือนเพื่อที่จะออกเดินทางไม่ว่าสถานที่ไกล้ๆ หรือไกล เพื่อนำไอเดียกลับมาสร้างสรรค์เมนูในคาเฟ่ ซึ่งแต่ละเมนูนำเรื่องราวจากสถานที่แห่งนั้นติดมาด้วย มาเล่าและส่งต่อให้กับลูกค้า เหมือนได้เดินทางไปกับตัวเธอด้วย น่าสนใจทีเดียว แน่นอนว่าการเดินทางไปสัมผัสเองอาจจะเติมเต็มเราได้ยิ่งกว่าและนั่นคือการที่เราได้ออกไปใช้ชีวิตของเราจริงๆ แต่นี่ก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ คือจุดเริ่มต้นของการออกเดินทางของเราเองเช่นกัน ให้เราได้รู้จักเรื่องราวใหม่ๆ จากการส่งต่อความโชคดีและเรื่องราวของผู้อื่นจากการที่เขาได้ไปพบ และสิ่งเหล่านี้ซ่อนอยู่ในหนังสือบางเล่ม ที่เราไม่เคยสนใจจะหยิบมาอ่าน หรือแม้กระทั่งไม่รู้ว่ามีหนังสือเรื่องราวเหล่านี้อยู่บนโลกด้วย IV. นิยายจีนโบราณ ‘ตำรับรักจอมนาง’มาถึงเล่มที่สี่กันค่ะ เป็นนิยายจีนโบราณเกี่ยวกับอาหารและปรัชญาเต๋า ซึ่งสนุกทีเดียว และไม่มีซีนรักหวานซึ้งอะไรมากมาย ก็อาจจะมีลุ้นให้สนุกบ้างเรื่องความรักเพื่อความเพลิดเพลินเพียงเล็กน้อยให้เรื่องราวดำเนินไป เนื้อเรื่องเป็นการเดินทางของชีวิตและเรื่องราวอาหารของตัวนางเอก ที่เป็นเชฟ อาจจะเป็นจุดเริ่มของคุณที่พึ่งเริ่มมองหาหนังสือก็ได้นะคะ เลือกหนังสือที่อ่านได้เบาสบายก่อน และขยับไปอ่านเนื้อหาที่เข้มข้นมากขึ้น เพราะไรท์เคยเริ่มต้นอยากอ่านหนังสือค่ะ แต่ตอนนั้นไม่มีใครแนะนำ เลยหยิบหหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายในชั้นหนังสือที่เรียนพิเศษสมัยเราเรียนอยู่ขึ้นมาอ่าน โอ้อ่านไม่กี่หน้าปวดหัวแล้วค่ะ ภายหลังมีโอกาสได้ไปอยู่ร้านหนังสือรอคุณพ่อคุณแม่ไปทำธุระ จึงสุ่มหยิบหนังสือหนึ่งเล่มที่สนใจขึ้นมา นั่นก็คือเล่มแรกที่ได้แนะนำให้กับทุกคนนั่นเองค่ะ ประโยคหนึ่งที่ไรท์ชอบจากหนังสือเล่มนี้ก็คือ “หากทองคำล้ำค่าควรเมืองฉันใด อาหารหนึ่งอย่างก็ล้ำค่าคู่ควรแก่ชีวิตฉันนั้น” มันทำให้ไรท์รู้สึกถึงช่วงเวลาที่เราไม่ได้ดูเเลตัวเอง ทานอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่จริงๆ แล้ว ร่างกายกับภายในเราแอบสัมพันธ์กันอยู่ บางทีทานอาหารดีๆ จิตใจเรากลับแจ่มใสขึ้นมาเองตามธรรมชาติ เพราะฮอร์โมนในร่างกาย การปรับสมดุลต่างๆ อาจเป็นไปตามธรรมชาติของร่างกายเอง แต่พอเมื่อไหร่ที่เราทานอาหารที่ทำร้ายร่างกาย ต่อให้เราไม่อยากเลือดหนืด เราก็จะรู้สึกหนืดๆ อึนๆ และขี้เกียจค่ะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ไรท์เพียงสะท้อนภาพให้ทุกคนเห็นว่าบางที แค่บางทีค่ะ เมื่อสุขภาพเราดีขึ้น อารมณ์เราก็ดีขึ้นตาม ซึ่งไม่รู้ว่าทำไม แต่ไรท์รู้สึกแบบนั้น2. แอปพลิเคชัน小红书 เสี่ยวหง ซู เป็นแอปพลิเคชันจากจีน ซึ่งลักษณะเป็นช่องรูปสี่เหลี่ยมคล้าย Pinterest ให้เราสามารถเลื่อนดูได้ ด้วยความที่ประเทศจีนมีประชากรจำนวนมาก ไรท์รู้สึกว่าความหลากหลายของการสร้างสรรค์ผลงาน มีให้เราเลือกดูได้ไม่น้อยทีเดียวค่ะ บางครั้งใน Pinterest เราพิมพ์ยังไงก็ค้นหารูปภาพเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นไม่เจอ แต่อาจจะพบได้ในเสี่ยวหง ซู อาทิเช่น เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบการหาแรงบัลใจเกี่ยวกับชุดจีน วัฒนธรรมอาหาร ศิลปวัฒนธรรม ที่ค่อนข้างมีความเฉพาะเจาะจง การหาแรงบันดาลใจจากแอปพลิเคชันจากประเทศนั้นๆ ก็อาจพบได้มากกว่า ซึ่งการชื่นชมผลงานจากหลายๆ แหล่งก็ช่วยเรื่องการเปิดมุมมองไอเดียได้ไม่น้อยPinterestPinterest เป็นแอปพลิเคชัน ที่ไรท์คิดว่าน่าจะมีเพื่อนๆ หลายคนรู้จักกันเป็นจำนวนมาก เพราะค่อนข้างมีชื่อเสียงในด้านการหาแรงบันดาลใจ ค่อนข้างมีความกว้างในเนื้อหาพอสมควร หากว่าหาได้ครอบคลุมก็อาจจะเป็น Pinterest หากเฉพาะเจาะจงมองในมุมลึกและละเอียดของสิ่งที่ค้นหา ก็อาจจะเป็นเสี่ยวหง ซู ประมาณนี้ค่ะ เพื่อให้สามารถเห็นภาพได้ง่าย อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับเรื่องราวที่เราต้องการค้นหาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจด้วย อาจจะไม่ได้พบทั้งหมด แต่มีจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่จุดประกายไอเดียได้บ้างแน่นอน ซึ่งพินเทอเรสต์ ให้ชมงานศิลปะต่างๆ การสร้างสรรค์และครีเอทผลงาน เปิดให้รับชมผลงานของเพื่อนๆ และเก็บเป็นบอร์ดไอเดียได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ อย่างไรก็ตามยังต้องระมัดระวังในการใช้งานและรับชม ในแอปพลิเคชันต่างๆ3. การชื่นชมผลงานของผู้คนที่หลากหลาย หนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ หลายสิ่งหลายอย่างเรามักจะเรียนรู้จากผู้อื่น ดังนั้นการชื่นชมผลงานของผู้อื่น ดูชมผลงานที่รังสรรค์ออกมาหลากหลาย ก็สามารถจุดประกายไอเดียให้ได้ไม่มากก็น้อย เช่น งานนิทรรศกาลต่างๆ ตรงนี้ไรท์ไม่ขอแนะนำอะไรมากนะคะ แล้วแต่เพื่อนๆจะสนใจและเลือกกิจกรรมดู หรืออาจจะเดินชมหนังสือผลงานต่างๆ ในร้านหนังสือ ระหว่างรอเพื่อนช็อปปิ้ง หรือ คุณแม่ไปธุระก็ได้ค่ะ ‘ไอเดียดีๆ เกิดขึ้นได้เเม้อยู่ในสภาวะที่สภาพอากาศย่ำแย่’ หนังสือที่พาไรท์ฉีกกรอบเรื่องไอเดียครั้งแรกค่ะ และทำให้เราลดการสร้างข้อจำกัดในการสร้างสรรค์ไอเดีย เรามักจะมองหาสถานที่สวยๆ รอมีบรรยากาศดีๆ เหมาะๆ ก่อนค่อยลงมือทำงาน แต่ว่าจริงๆ แล้ว ต่อให้ด้านนอกจะมีพายุฝนกระหน่ำ ไอเดียก็สามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ และในสภาวะที่ร่างกายเราผ่อนคลาย สุขสบายบางทีมานั่งวาดเขียนงานก็นึกไม่ค่อยออก ดังนั้นจริงๆ แล้ว ไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาวะอะไร ไอเดียสามารถสร้างได้ หลังจากนี้ เราก็จะดึงทุกอณูของพลังธรรมชาติรอบตัวเรา มาใช้ได้ในการสร้างสรรค์งาน นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในการสร้างทักษะให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ขึ้น ส่วนจะมากหรือน้อย ต่อไปก็อยู่ที่เราลงมือทำ ออกไปพบเจอเรื่องราวต่างๆ THANK YOU.เครดิตภาพ:ภาพปกและภาพประกอบ: ตกแต่งด้วยแอปพลิเคชัน Canva ภาพพื้นหลังของภาพประกอบ: 1, 2, 3, 4, 5 / Pixabay : pixabay.com 7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์