"โรคพยาธิเม็ดเลือด" และ "โรคพยาธิหนอนหัวใจ" เป็นอีกสองโรคโหดร้ายรุนแรง ที่ทำให้น้องหมาต้องทุกข์ทรมาน และอาจถึงกับคร่าชีวิตน้องหมาได้...คุณนุดที่เลี้ยงน้องหมา คงมีจำนวนไม่น้อยที่พอได้ยิน 2 ชื่อนี้แล้ว เกิดความไม่สบายใจหรือเข็ดขยาดหวาดกลัว...เพราะเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งบรรดาคนรักน้องหมาเองก็ยังมีความรู้เกี่ยวกับโรคทั้งสองนี้น้อยมาก เป็นที่มาของการเจ็บป่วยและสูญเสียที่ใคร ๆ ก็ไม่ปรารถนา...แต่ในปัจจุบัน ความรู้เกี่ยวกับเพชฌฆาตเงียบคู่นี้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น มีวิทยาการด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงออกมารับมือกับโรคร้ายทั้งสองนี้ได้มากขึ้น...ครั้งนี้ ผู้เขียนจึงขอรีวิววิธีป้องกัน 2 โรคจากปรสิตตัวร้ายนี้ จากประสบการณ์ตรง ที่ได้ทำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ - ผู้เชี่ยวชาญ และได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบรรดาคนเลี้ยงน้องหมาค่ะความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับโรค1. การเกิดโรคน้องหมาเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือดได้เพราะถูกเห็บหมัดที่เป็นพาหะนำโรคกัด เป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจเพราะถูกยุงที่เป็นพาหะนำโรคกัด...ที่เห็บหมัดและยุงเป็นพาหะนำโรคได้ ก็เพราะก่อนหน้านั้น เห็บหมัดนั้นได้ไปกัดน้องหมาอื่นที่มีเชื้อพยาธิเม็ดเลือดในกระแสเลือด ส่วนยุงนั้นก็ได้ไปกัดน้องหมาอื่นที่มีเชื้อพยาธิหนอนหัวใจในกระแสเลือดค่ะ2. การป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพที่สุดแม้น้องหมาได้รับวัคซีนและถ่ายพยาธิครบตามกระบวนการมาตรฐานตั้งแต่ช่วงอายุ 3 - 4 เดือนแรกแล้ว ก็ไม่ได้การันตีว่า น้องหมาจะไม่มีโอกาสรับเชื้อโรคทั้งสองเข้าสู่กระแสเลือดเลย...เพราะสภาพแวดล้อมรอบตัวน้องหมาก็ยังมีเห็บหมัดและยุงที่พร้อมจะกัดน้อง โดยเราเองก็ไม่ทราบว่าสัตว์เหล่านั้นเป็นพาหะนำโรคหรือไม่...การป้องกันโรคพยาธิทั้งสองที่มีประสิทธิภาพจึงได้แก่ การใช้ยาทำลายเชื้อโรคและปรสิตเหล่านี้แก่น้องหมาโดยตรง ร่วมกับการป้องกันไม่ให้เห็บหมัดและยุงกัดน้องหมา ทำเป็นประจำสม่ำเสมอตลอดชีวิตของน้องหมาค่ะวิธีการป้องกันโรค1. การใช้ยาป้องกันโรคแก่น้องหมาโดยตรงยาในกลุ่มนี้เป็นพวกกำจัดเห็บหมัดและพยาธิที่เป็นปรสิตให้แก่น้องหมา มีทั้งชนิดยาฉีด ยากิน และยาหยด...จุดสำคัญที่ทำให้คุณหมอและคุณนุดเจ้าของเลือกชนิดและยี่ห้อยา ก็คือ ประสิทธิภาพ (ครอบคลุมโรคอะไรบ้าง? ออกฤทธิ์ได้นานเท่าไหร่?) และความสะดวกค่ะ...ยามีทั้งยี่ห้อที่ครอบคลุมและแยกกันระหว่างกำจัดเห็บหมัดกับกำจัดพยาธิหนอนหัวใจ บางยี่ห้อครอบคลุมไปถึงพยาธิและปรสิตในอวัยวะอื่น ๆ และยังมีบางยี่ห้อที่กันยุงและแมลงรบกวนน้องหมาได้ด้วยค่ะ...ระยะเวลาที่ยามีประสิทธิภาพส่วนใหญ่ก็จะเป็น 1 เดือน แต่ยาบางยี่ห้อก็มีระยะเวลาถึง 3 เดือน ซึ่งก็หมายความว่า เราจะต้องซื้อยาให้น้องหมาหรือพาน้องไปรับยาจากสัตว์แพทย์ทุก 1 - 3 เดือน ค่ะผู้เขียนเคยใช้ยาทุกชนิด (ฉีด กิน หยด) กับน้องหมาแต่ละตัวที่เลี้ยงมา แต่ตอนนี้ใช้ยากินยี่ห้อที่ป้องกันปรสิตต่าง ๆ ได้ครอบคลุมกว่ายาหยดและยาฉีด (ราคายากินจึงสูงกว่ายาชนิดอื่นค่ะ)...ยากินก็สะดวกดี เราสามารถซื้อยามาป้อนให้น้องหมากินเองเลยก็ได้ ส่วนยาหยดกับยาฉีดก็มีเงื่อนไขว่าไม่ให้อาบน้ำน้องหมา 1 สัปดาห์หลังจากให้ยา...ไม่ว่าจะซื้อยาเองหรือพาน้องหมาไปรับยากับสัตวแพทย์ ข้อมูลอายุกับน้ำหนักจำเป็นต่อการกำหนดขนาดยาให้น้องหมาแต่ละตัวค่ะ...สำหรับผู้เขียน ชอบพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์มากกว่าค่ะ เพราะจะได้พูดคุยปรึกษาเรื่องอื่น ๆ ที่เราสงสัยด้วย...ผลการป้องกันจากยา ที่เห็นกับตาจริง ๆ ก็คือ น้องหมาเราเวลาออกไปนอกบ้านหรือไปเล่นกับเพื่อน ๆ เห็บที่ติดมาจะเกาะอยู่กับตัวน้องไม่ได้เลย จะรีบลี้ภัยออกมาจากตัวน้องแบบเมา ๆ บางตัวก็สลบแน่นิ่งไปเลยค่ะ...เห็บยังขนาดนี้ แล้วตัวกับไข่ปรสิตอื่น ๆ ก็ย่อมเป็นดังคำบรรบายสรรพคุณของยาว่าถูกกำจัดเรียบนะคะ2. การป้องกันไม่ให้เห็บหมัดและยุงกัดน้องหมาข้อมูลผลการทดสอบตัวยากำจัดเห็บหมัด - พยาธิหนอนหัวใจ แต่ละยี่ห้อบอกให้เราทราบว่า ยาที่ให้น้องหมา ลดโอกาสในการเป็นโรคได้ตั้งแต่ 90% ขึ้นไป จนถึงเกือบ 100%...ดังนั้น เราก็ต้องช่วยลดโอกาสการเป็นโรคอีกประมาณ 1% - 10% ที่เหลือ ด้วยการป้องกันน้องหมาจากเห็บหมัดและยุงด้วยวิธีอื่น ๆ อีกนะคะรักษาความสะอาดให้น้องหมาอย่างสม่ำเสมอ โดยการอาบน้ำ หวีขน และเก็บเห็บหมัดออกจากตัวน้องหมา...นอกจากจะเป็นการกำจัดเห็บหมัดแล้ว ยังช่วยชำระล้างปรสิตและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ลดโอกาสที่ยุงและแมลงต่าง ๆ ตอมตัวน้องด้วยค่ะโรยแป้งกำจัดเห็บหมัด ช่วยกำจัดเห็บหมัดได้ดีกรณีที่น้องหมายังอาบน้ำไม่ได้ (ช่วงอายุ 1 - 2 เดือน) ผู้เขียนก็โรยแป้งให้น้องหมาอาทิตย์ละครั้ง...แต่เมื่อน้องโต อาบน้ำได้แล้ว ผู้เขียนก็ไม่ใช้แล้วค่ะ เพราะอย่างไรมันก็เป็นสารเคมีที่ติดอยู่กับตัวน้อง เข้าตา - ปาก - จมูกได้ง่าย แม้แต่คำอธิบายข้างขวดก็ยังเตือนให้ระวังเรื่องนี้ คุณหมอเองก็แนะนำเช่นนี้ค่ะใช้กลิ่นไล่เห็บหมัดและยุงรอบบริเวณที่น้องหมาอยู่ มีทั้งสเปรยฉีดพื้น/ฉีดตัว ยาจุด/แผ่น/เจลกันยุง...ผู้เขียนใช้สูตรธรรมชาติ เพราะไม่อยากให้ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมโดยรอบและส่งผลต่อสุขภาพเราเองและน้องหมาค่ะปรับสภาพแวดล้อมไม่ให้เอื้อต่อการเพาะ/แพร่พันธุ์เห็บหมัดและยุง โดยเฉพาะฤดูฝน เพราะสัตว์เหล่านี้มากับน้ำที่ขังและความชื้น...ที่บ้านผู้เขียนจึงต้องคอยดูแลไม่ให้น้องหมาไปเล่นอยู่ใกล้ที่เปียกชื้นและที่มืด นาน ๆ...ถ้าน้องตัวเปียกก็เช็ดตัวให้แห้ง ไม่ให้ตัวเปียกชื้นนาน ๆ...และใส่ทรายอะเบทในกระถางเลี้ยงต้นไม้น้ำในบ้าน ที่น้องหมาเล่น/เลียไม่ถึง เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงค่ะข่าวร้ายในวันวานก็คือ ผู้เขียนและคนเลี้ยงน้องหมาที่รู้จักมากมาย ต่างเคยสูญเสียน้องหมาที่รักไปเพราะความไม่เคยรู้จักโรคร้ายทั้งสองนี้...ข่าวดีขึ้นมาก็คือ มีอีกหลายรายที่รักษาน้องหมาจนหายป่วยจากโรคทั้งสองนี้ได้ แม้ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากสักหน่อย...และข่าวดีในวันนี้ก็คือ เราสามารถช่วยป้องกันโรคได้ ด้วยการให้ยากับน้องหมาตามกำหนดเวลา และจัดสภาพความเป็นอยู่ให้เหมาะสมค่ะ...แม้กระนั้น ก็ยังมีสิ่งควรทำอีกประการคือ ความใส่ใจในพฤติกรรมอาการที่ผิดปกติของน้องหมา ซึ่งจะช่วยให้เราจัดการกับโรคภัยได้อย่างทันท่วงที กรณีที่น้องหมาติดเชื้อโรคขึ้นมา...ดังนั้น การรู้จักอาการบ่งชี้ของโรคจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับที่คุณนุดควรทราบและศึกษาไว้ค่ะ...ผู้เขียนเองก็กำลังทำทุกขั้นตอนที่กล่าวมาแล้วนี้ เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงของน้องหมาอันเป็นที่รักค่ะ.มรรษยวรินทร์(ภาพประกอบทั้งหมด โดย มรรษยวรินทร์)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !