แข็งเพื่ออ่อน อ่อนเพื่อแข็ง Hard Skills VS Soft Skillsสวัสดีครับ วันนี้คุณฟังเสียงจากหัวใจของคุณแล้วหรือยังครับ?ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมานี้(ค.ศ.2000-2020) ตั้งแต่มนุษย์อย่างพวกเราก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ และการมาถึงของอินเทอร์เน็ต โลกที่ดูเหมือนกว้างใหญ่ไพศาลในยุคแรกนั้น ก็แคบลงไปโดยปริยาย ข้อมูลต่าง ๆ เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ขณะที่ข้อมูลใหม่ ๆ ก็ได้รับการสร้างขึ้นมาในแทบทุกวัน รวมไปถึงทักษะ(Skills)ต่าง ๆ ก็มีให้เราเลือกศึกษากันมากมาย แต่โดยรวมแล้ว เราจะคุ้นหูกับ 2 ทักษะหลัก นั่นคือ Hard Skills และ Soft Skills แล้วเจ้า 2 ทักษะนี้มันคืออะไรล่ะ? ส่วนใหญ่แล้ว ทักษะเหล่านี้จะเป็นที่รู้จักกันในแวดวงขององค์กรต่าง ๆ ทั้งมนุษย์เงินเดือน โปรแกรมเมอร์ หรือนักธุรกิจ ว่าง่ายๆก็คือทักษะที่ใช้ในการทำงานนั่นแหละครับ แต่จริง ๆ แล้วทักษะพวกนี้ไม่ได้ไกลตัวหรือเฉพาะตัวไปเสียทั้งหมดนะครับ เพราะมีบางทักษะใน 2 ทักษะหลักนี้ ที่เราทุกคนได้ใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่เรายังไม่ได้ทันสังเกตหรือไม่รู้ว่ามีแนวคิดที่ได้อธิบายข้อมูลของทักษะนั้นไว้หรือเปล่าเท่านั้นเองครับ เอาหล่ะเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า1 . Hard Skills ความหมายของทักษะนี้ไม่ได้แปลว่า “ทักษะแข็ง” ตามตัวของคำศัพท์แต่อย่างใดนะครับ แต่มันคือ “ทักษะด้านความรู้” หรือก็คือ ทักษะด้านวิชาชีพนั่นเอง โดย Hard Skills นี้สามารถถ่ายทอดให้กับคนอื่นได้ ซึ่งพวกเราต่างก็ได้รับทักษะนี้จากทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือคอร์สออนไลน์ ซึ่งถ้าเราย้อนกลับไปในวัยรั้วโรงเรียน เราจะเห็นภาพคุณครู อาจารย์ต่างใช้เทคนิคการสอนมากมาย เพื่อให้เราจำและเข้าใจในความรู้ที่ท่านกำลังสื่อให้เรา ไม่ว่าจะเป็นการใช้สูตรในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐานต่าง ๆ อย่าง Microsoft Office หรือองค์ความรู้เฉพาะทางอย่างอาชีพแพทย์ วิศวกร หรือแม้แต่การเรียนภาษาต่าง ๆ และสิ่งที่เราคุ้นเคยกับสิ่งที่ยืนยันในการเข้าใจและใช้ทักษะนี้คือการวัดผลความรู้หรือความสามารถนั้นออกมาได้(ก็คือการสอบนั่นแหละครับ) และเหล่า Hard Skills ซึ่งเป็นที่ต้องการในโลกยุค2020นั้น ได้แก่ Social Media Marketing , Translation , Analytical Reasoning และยอดฮิตอย่าง AI หรือ Machine Leaning Engineer เป็นต้นนั่นเองครับ2 . Soft Skills แน่นอนครับ Hard Skills ไม่ได้แปลว่า “ทักษะแข็ง” ฉันใด Soft Skills ก็ไม่ได้แปลว่า “ทักษะอ่อน” ฉันนั้น ทักษะนี้มีคือทักษะที่เกี่ยวกับด้านอารมณ์ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับ Hard Skills แล้ว Soft Skills จะเน้นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวบุคคล หรือกับผู้คนในสังและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทักษะนี้ไม่มีกฎหรือองค์ความรู้ที่ตายตัวอย่างการท่องจำสูตรคณิตศาสตร์ของ Hard Skills จึงค่อนข้างยากที่จะควบคุมหรือกำหนดความแน่นอน แต่ทักษะด้านอารมณ์นี้จะขึ้นอยู่กับตัวของบุคคล จะว่าง่าย ๆ ก็คือเป็นศิลปะของแต่ละคนนั่นเอง ซึ่งตัวอย่าง Soft Skills ที่เราได้เห็นในชีวิตประจำวันบ่อย ๆ ก็คือ ทักษะในการสื่อสารของพิธีกร ซึ่งเราสามารถสอนให้กันและกันได้ แต่การใช้งานก็จะเปลี่ยนไปตามรูปแบบของต่ละคน หรือการที่เห็นเพื่อนคนหนึ่งเป็นที่รักใคร่ของสังคม อาจเป็นเพราะเพื่อนคนนั้นมีทักษะในการเข้าสังคมที่ดี แม้กระทั่งเรื่องที่ดูเหมือนง่ายอย่าง“การฟัง” ก็จัดเป็น Soft skills ที่น้อยคนจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน เพราะในยุคที่ข้อมูลมีมากมายมหาศาล ผู้คนต่างอยากแสดงความคิดเห็นหรือแบ่งปันความรู้สึกนึกคิดของตนเองให้สังคมได้รับรู้ การฟังนั้นจึงไม่ใช่แค่การฟังแบบ “เข้าใจแล้วน่ะ” อีกต่อไป แต่ก็มีระดับในการฟังเพื่อให้เข้าใจการสื่อสารได้อย่างมีมิติตามลำดับขั้น ซึ่งSoft Skills ที่หลายๆหน่วยงานอยากให้บุคลากรของตนมีก็คือ การเจรจาต่อรอง(Negotiation) ,ความคิดสร้างสรรค์(Creativity) ,การทำงานร่วมกับผู้อื่น(Collaboration) ,ทักษะในการสื่อสาร(Communication)และภาวะผู้นำ(Leadership) เป็นต้น แล้วอะไรสำคัญกว่ากัน? แต่ละทักษะก็มีจุดแข็งของตัวเองนะครับ ก็ขึ้นอยู่กับว่าในสถาการณ์นั้นควรใช้ทักษะไหน แต่ในสมัยนี้ การทำงานย่อมอาศัย 2 ทักษะนี้ควบคู่กันไปนะครับ เพราะนอกจากเราจะใช้ความรู้ความสามารถจากวิชาชีพของเราแล้ว เราก็ต้องมีการใช้ทักษะจากสภาพแวดล้อมรอบข้างด้วยเช่นกัน คงไม่มีผู้ป่วยคนไหนอยากรับการผ่าตัดจากแพทย์ฝีมือดีแต่ไม่สามารถสื่อสารกับลูกทีมได้อย่างชัดเจนใช่ไหมละครับฉะนั้นก่อนจากกันไปในวันนี้มีนักวิชาการผู้หนึ่งได้กล่าวไว้นะครับว่าจริงอยู่ที่ Hard Skills มีความสำคัญต่อการเปิดโอกาสให้คุณแต่ Soft Skills คือตัววัดว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนโอกาสนั้นเป็นความสำเร็จได้หรือไม่ แล้ววันนี้คุณคิดว่าโอกาสที่ได้รับไว้นั้น ได้สำเร็จแล้วหรือยังครับ? สำหรับวันนี้ สวัสดีครับCover : pexels / Pic 1 : pexels / Pic 2 : pexels / Pic 3 : pexels / Pic 4 : pexels