วิกฤต "NETA" บริษัทแม่ Hozon Auto ยื่นล้มละลายที่จีน l การตลาดเงินล้าน

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า Hozon Auto New Energy บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน และเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ NETA ที่รู้จักกันดีในตลาดต่างประเทศ รวมถึงในประเทศไทย ได้ยื่นคำร้องขอล้มละลายต่อศาลประชาชนกลางในเมืองเซี่ยงไฮ้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ข้อมูลจากศาลเผยว่า คำร้องดังกล่าวได้รับการยื่นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 โดยผู้ยื่นคำร้องคือ Hozon Auto เอง ซึ่งแสดงถึงสภาวะที่บริษัทไม่สามารถชำระหนี้สินได้ตามกำหนด ขณะเดียวกันยังไม่มีคำตัดสินของศาลในขณะนี้

การยื่นล้มละลายของ Hozon Auto สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในจีน เนื่องจากบริษัทถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) โดยเฉพาะแบรนด์ NETA ที่มีการทำตลาดอย่างจริงจังทั้งในจีนและต่างประเทศ รวมถึงมีการตั้งฐานการผลิตและศูนย์วิจัยในหลายภูมิภาค

NETA มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น NETA V และ NETA X และยังมีแผนขยายโรงงานประกอบในไทยผ่านบริษัทในเครือ อย่าง NETA Auto (Thailand)

แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมระบุว่า สาเหตุหลักของวิกฤตที่ Hozon Auto เผชิญ มาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน ซึ่งมีผู้ผลิตรายใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรลดลง และต้นทุนการดำเนินงานยังอยู่ในระดับสูง

แม้ว่า Hozon จะเคยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นและนักลงทุนหลายราย แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทประสบปัญหาสภาพคล่องต่อเนื่อง และพยายามระดมทุนหลายรอบแต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนนำไปสู่การตัดสินใจยื่นขอล้มละลายในที่สุด

สำหรับตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในไทย ยังไม่มีการออกแถลงการณ์จาก NETA Auto (Thailand) อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับผลกระทบจากการล้มละลายของบริษัทแม่ในจีน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า อาจเกิดแรงสั่นสะเทือนในด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และอาจกระทบต่อแผนขยายตลาดในอนาคต

การยื่นล้มละลายของ Hozon สะท้อนถึงความท้าทายของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในจีนที่แม้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็เต็มไปด้วยการแข่งขันด้านราคา การอัดแคมเปญส่งเสริมการขาย และความจำเป็นในการลงทุนเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นบางรายไม่สามารถยืนระยะได้ในระยะยาว

ทั้งนี้ สถานการณ์ของ Hozon ยังอยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย และยังไม่มีข้อสรุปว่า บริษัทจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการหรือการชำระบัญชีในขั้นตอนใด โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนเพิ่มเติมในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 นี้