สหรัฐฯทำลายสถิติใช้ไฟฟ้าจาก AIคริปโทฯ

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยรายงานแนวโน้มพลังงานระยะสั้น (STEO) เมื่อวันอังคาร (9 ก.ย.) คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ต่อเนื่องในปี 2568 และ 2569 ทำลายสถิติเดิมที่ 4.097 ล้านล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ในปี 2567 โดยจะขยับขึ้นเป็น 4.187 ล้านล้าน kWh ในปี 2568 และเพิ่มขึ้นอีกเป็น 4.305 ล้านล้าน kWh ในปี 2569 ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของศูนย์ข้อมูลที่รองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคริปโทเคอร์เรนซี รวมถึงการเปลี่ยนผ่านของครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ใช้ไฟฟ้าแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลในการทำความร้อนและการขนส่ง
ในด้านการขายไฟฟ้านั้น EIA คาดว่าปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.508 ล้านล้าน kWh สำหรับครัวเรือน, 1.482 ล้านล้าน kWh สำหรับภาคพาณิชย์ และ 1.055 ล้านล้าน kWh สำหรับภาคอุตสาหกรรม เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติสูงสุดที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.509 ล้านล้าน kWh สำหรับครัวเรือนในปี 2565, 1.434 ล้านล้าน kWh สำหรับภาคพาณิชย์ในปี 2567 และ 1.064 ล้านล้าน kWh สำหรับภาคอุตสาหกรรมในปี 2543
EIA ยังประเมินแนวโน้มสัดส่วนพลังงานในการผลิตไฟฟ้า โดยสัดส่วนของก๊าซธรรมชาติจะลดลงจาก 42% ในปี 2567 เหลือ 40% ในปี 2568 และ 2569 โดยสัดส่วนของถ่านหินจะขยับขึ้นจาก 16% ในปี 2567 เป็น 17% ในปี 2568 ก่อนกลับลงมาอยู่ที่ 16% ในปี 2569 ขณะที่สัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 23% ในปี 2567 เป็น 25% ในปี 2568 และ 26% ในปี 2569
สำหรับสัดส่วนของพลังงานนิวเคลียร์จะลดลงจาก 19% ในปี 2567 เหลือ 18% ในปี 2568 และ 2569
ส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติในปี 2568 คาดว่า ในภาคครัวเรือนจะอยู่ที่ 1.31 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (bcfd), ภาคพาณิชย์ 9.8 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และภาคอุตสาหกรรม 2.35 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะที่การใช้ก๊าซเพื่อผลิตไฟฟ้าจะลดลงเหลือ 3.58 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เมื่อเทียบกับสถิติสูงสุดที่ 1.43 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
