ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีทหารชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ได้สู้มายาวนานกว่า 30 ปีและไม่ยอมออกจากป่า ส่วนสาเหตุอะไรที่เขาไม่ยอมออกจากป่า เป็นเพราะเขาไม่รู้ค่ะว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้จบลงไปแล้วโอโนดะซัง เป็นคนญี่ปุ่น เกิดที่วากายาม่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ปี 1922 เขาได้มาเข้าร่วมสงครามการรบตอนอายุ 20 ปี เป็นหน่วยข่าวกรองของญี่ปุ่น เมื่อเดือนธันวาคม ปี 1955 เขาถูกส่งไปประจำการที่ประเทศฟิลิปปินส์ และกฏของกองทัพทหารญี่ปุ่นนั้นถือเป็นคำสั่งที่เด็ดขาด สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ ไม่ว่าจะมอบตัว ยอมโดนทนทรมาน และยอมตายดีกว่าแพ้ แต่เพราะโอโนดะซังถูกสั่งให้สังเกตการณ์อยู่ในป่าและห้ามออกมาจนกว่าสงครามจะจบ โอโนดะซังก็ทำตาม เพราะเขาเชื่อว่าสงครามยังไม่จบ เขาเลยไม่ยอมออกจากป่าเลยได้แต่เก็บผลไม้รากไม้กินประทังชีวิตไปวันๆ จนชาวบ้านชาวฟิลลิปปินส์แจกใบปลิวไปทั่วว่าสงครามจบแล้ว เป็นภาษาญี่ปุ่นโปรยไปทั่วป่าที่โอโนดะซังอาศัยอยู่ เขาก็ยังไม่เชื่อ คิดว่าเป็นแผนการของศัตรูในการให้เขาออกจากป่าเพื่อรีดข้อมูลแต่ก็มีชาวบ้านที่ผ่านมาตกปลาแล้วมองเห็นเขาบ่อยๆ แล้วเกิดสงสารเขาเลยอยากเดินเข้ามาบอกความจริง ก็ถูกเขายิงเสียชีวิตไปหลายศพเลยถ้ามีใครสงสัยว่าทำไมเขาต้องกระทำการที่โหดร้ายขนาดนี้ด้วย ในเวลานั้นโอโนดะซังและกลุ่มทหารของตัวเองไม่รู้ว่าสงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว เขาข้าใจว่าสงครามยังดำเนินไปต่อ และไม่รู้ว่าระเบิดได้ลงฮิโรชิมาและเกาะนางาซากิ เขาจึงต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆ ลงไปปล้นเสบียงชาวบ้านบ้างทีมญี่ปุ่นจึงได้ส่งทีมค้นหาไปตามกลับมา แต่ก็ถูกไม่ไว้ใจ เพราะความอยู่ป่ามานาน พอมาเจอคนญี่ปุ่นด้วยกัน ก็กลัวว่าจะเป็นแผนตลบหลังของประเทศฟิลิปปินส์ในการส่งคนตามหาตัวอง ด้วยการเอาคนญี่ปุ่นมาทรมาน เลยเกิดการยิงกัน มีทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งเสียชีวิตจากการถูกยิงจนทางการของญี่ปุ่นออกมาประกาศให้ทหารกลุ่มนี้กลับด้วยการโอนเงินไปให้ใช้เป็นการส่วนตัว และก็ส่งเพื่อนในทีมเดียวกันไปบอกข่าว ซึ่งเขาบอกว่าเขาไม่เชื่อจนกว่าองค์จักรวรรดิของเขาจะมาออกคำสั่งให้เขากลับกับปากของตัวเอง จนเวลาผ่านไป 30 ปี เขาจึงได้ยอมเชื่อว่าสงครามจบลงแล้ว และเขาถูกจับกุมตัวขึ้นศาลในประเทศฟิลิปปินส์ที่ทำลายพลเมืองและฆ่าชีวิตผู้คนแต่เขาถูกปล่อยตัวจากการฟิลลิปปินส์ เพราะการกระทำทั้งหมดของเขาเป็นการทำไปเพื่อชาติ เสียสละในสงคราม จึงไม่มีเจตนาอะไรและพอเขาได้กลับญี่ปุ่นในรอบ 30 ปี เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างใหญ่โตราวกับเป็นวีรบุรุษ ที่มุ่นมั่น กล้าหาญ ยืนหยัด เพื่อชาติ คุณแม่ที่คิดว่าเขาเสียชีวิตไปเกือบ 30 ปีแล้วตกใจและซาบซึ้งใจมากที่ได้เจอลูกชาย แต่เขากลับบอกว่าญี่ปุ่นที่เขารู้จักไม่ใช่ญี่ปุ่นที่เขาเคยอยู่ตอนนี้ เขาตกใจกับการเปลี่ยนไปและยอมรับไม่ได้กับญี่ปุ่นที่เปลี่ยนไปเพราะการยอมรับวัฒนธรรมแบบตะวันตกเข้ามา เลยตัดสินใจบินไปตั้งต้นชีวิตใหม่ด้วยเงินบำนาญที่รัฐบาลให้มาที่ฟิลิปปินส์ และแต่งงานกับคนที่นั้นจากนั้นเขาก็ได้อ่านข่าวว่ามีวัยรุ่นญี่ปุ่นคนแก่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจบริจาคเงินให้กับโรงเรียนทั้งประเทศญี่ปุ่นเองและประเทศฟิลลิปปินส์จำนวนมหาศาล เพื่อให้เด็กมีจริยธรรม เขาบริจาคหมดเลยไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนท้องถิ่นหรือ โรงเรียนที่พัฒนาแล้วเดินทางไปๆมาๆระหว่างญี่ปุ่นกับฟิลิปปินส์ก่อนจะเสียชีวิตที่กรุงโตเกียวในวันที่ 16 มกราคม 2014 ด้วยโรคปอดบวมอย่างเป็นทางการนายทหารคนหนึ่งต้องเสียสละตัวเองเพราะมองเห็นความสำคัญของชาติมากกว่าความสุขสบายของตัวเองขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปกรูปภาพประกอบที่ 1 โดย ArmyAmber / 2 โดย flo222 / 3 โดย EliasSch