พี่เอ้ ประกาศ ตั้ง Wi-Fi 150,000 จุด ทั่วกรุงฯ ใช้ Wi-Fi เปิดปิดประตูน้ำ ยันแก้จราจร
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 พฤษภาคม ที่ตึกข่าวสด มติชนทีวี เชิญ 4 ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากโพลมติชน ทีวี ได้แก่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สังกัดพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สังกัดอิสระ และ น.ต.ศิธา ทิวารี สังกัดพรรคไทยสร้างไทย มาร่วมเวทีเสวนา “คุณถามมา… (ผู้สมัคร) ผู้ว่า กทม. ตอบ” จัดเต็ม 20 คำถามสุดเฉียบ จาก 20 คนกรุงเทพฯ อาทิ นายธงทอง จันทรางศุ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์, ท็อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บิทคับ, ธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ ผู้ส่งเสริมศักยภาพผู้พิการ, มายด์-ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล นักกิจกรรมทางสังคมรุ่นใหม่, อ๋อม-สกาวใจ พูนสวัสดิ์ นักแสดง ฯลฯ
นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ให้นโยบายมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ต้องการที่จะทำกรุงเทพให้เป็นเมืองที่ทันสมัย เป็นเมืองต้นแบบ สวัสดิการ ประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม มิฉะนั้นสวัสดิการให้ฟรีก็ป่าวประโยชน์ สำคัญที่สุดเลย 1. สิ่งที่จะได้เห็นคนกรุงเทพ เมื่อตนได้เป็นผู้ว่ากทม. คือ การเข้าถึงและการใช้อินเตอร์เน็ตฟรี วันนี้ต้องบอกว่าโลกเข้าสู่ระบบออนไลน์แล้ว แต่คนกรุงเทพ ที่เป็นเมืองหลวง บางคนยังไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต จะไปสู้กับใครได้ 2.สวัสดิการที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา ภายใน 4 ปี จะได้เห็นโรงเรียนที่ดีที่สุดที่ใกล้บ้าน ผมตั้งใจจะใช้โรงเรียนในส่วนของ กทม. หนึ่งโรงเรียน ต่อหนึ่งเขตเป็นโรงเรียนที่มีการศึกษาที่ไร้รอยต่อ คุณสามารถดูแลได้แบบนี้จะทำให้ผู้ปกครอง ลดภาระการใช้จ่าย เรื่องค่าเล่าเรียน 3.เรื่องสวัสดิการ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วย ตามโรงพยาบาลรัฐ เกือบทุกโรงพยาบาล ประชาชนไปรอกันเต็มกันหมด ตนจะทำให้เมืองหลวงเป็นเมืองที่รักษาได้ครบจบในตัว ตนตั้งใจจะเพิ่ม บุคคลากรทางการแพทย์ อาทิ หมอ พยาบาล และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอ และจะทำให้มีบริการสาธารณสุข ที่อยู่ใกล้บ้านท่าน ต้องเป็นอะไรที่เป็นที่พึ่งได้ จนเข้าถึงได้โดยเฉพาะโรคของผู้สูงอายุ อย่าง โรคไตจะต้องเป็นศูนย์ฟอกไตใกล้บ้าน เราจะใช้เทคโนโลยีมาใช้ให้เข้าถึงประชาชนในทุกบ้านในทุกพื้นที่ “กรุงเทพต้องเป็นเมืองต้นแบบเป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัย”
นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาเรื่องการจัดการน้ำ ต้องได้ผู้ว่าฯ กทม.ที่มีความรู้ มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องน้ำก่อน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนต้องเข้าใจหลักวิศวกรรม 3 ข้อ คือ ระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว คือ 1.ระยะสั้น ฝนตกยังไงก็ท่วม กรุงเทพฯเป็นเมือง เพราะต้องมารอคนเปิด-ปิดประตูน้ำ ตนจะเข้าใช้ระบบอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นการใช้เครือข่าย Wi-Fi ฟรี ทางกทม.ก็ใช้ช่วยในการเปิด-ปิดประตูน้ำได้ด้วย เป็นการลดปัญหาเรื่องของน้ำรอระบาย 2.ระยะกลาง การคิดแบบเดิม แบบเก่า ให้คนไปลอกท่อ คงทำไม่ได้ ที่สำคัญคือ ต้องทำแก้มลิงใต้ดินเท่านั้น เมื่อฝนตก น้ำมีบริมาณมาก ให้สูบน้ำมาพักไว้ที่แก้มลิงใต้ดิน ในเฉพาะพื้นที่ที่น้ำท่วมซ้ำซาก เช่นสุขุมวิท และรามคำแหง เพื่อรอการสูบน้ำระบายออก จะทำให้ไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมรอการระบายแน่นอน 3.ระยะยาว คิดว่า กรุงเทพฯจะมาตายในปัญหาเรื่องน้ำทะเลหนุนไม่ได้ ตนจะเป็นผู้ว่าฯกทม.คนแรกที่จะป้องกันปัญหาเรื่องน้ำทะเลหนุน คนกรุงเทพต้องเลือกคนที่ทำงานในเรื่องนี้มีประสบการณ์ ในเรื่องวิศวกรรม ตนมีประสบการณ์และความรู้ทางด้านนี้ จึงมั่นใจว่ากรุงเทพไม่จมน้ำแน่นอน โดยตนเองเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.คนเดียวที่ประกาศ ให้ใช้อินเตอร์เน็ตฟรี ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบออนไลน์ เมื่อมากรุงเทพฯ สามารถใช้อินเตอร์เน็ตฟรีทุกจุดของกรุงเทพฯเหมือนเกิดใหม่ เลยเพราะวันนี้มีทั้งการเรียนออนไลน์ หรือการทำงานออนไลน์ กรุงเทพมหานครจะต้องมีสวัสดิการขั้นพื้นฐานในเรื่องการใช้บริการอินเตอร์เน็ตฟรี และการดูแลคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คือถ้าตนได้เป็นผู้ว่าฯกทม. กรุงเทพฯจะสว่างไสว จะมีทั้ง กล้องCCTV และ Wi-Fi จะเป็นเมืองสวัสดิการในการดูแลชีวิตและทรัพย์สิน ของพี่น้องประชาชน โดย จะมีอินเตอร์เน็ตฟรี ที่ทันสมัย มีWi-Fi 150,000 จุด จุดละหนึ่งเมกะไบต์
“ท่านจะทำงานที่ไหนก็ทำได้ จะกลับบ้านเวลาไหนปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน กรุงเทพจะมีบางกอกเซ็นเตอร์ เหมือนเมืองต่างๆทั่วโลก วันนี้ถ้าเรียนหนังสือก็สามารถที่จะหางานได้ กรุงเทพฯจะไม่กลับไปเหมือนเดิม จะเป็นเมืองที่ก้าวกระโดด เป็นเมืองต้นแบบของอาเซียนเราทำได้” สุชัชวีร์ กล่าว
นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ มั่นใจว่าเมื่อเป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็จะทำให้ดีที่สุด เมื่อครบ 4 ปีแล้ว ก็อยากจะเป็นต่ออีก 4 ปีจะเป็นผู้ว่าที่ดีที่สุด โดยก่อนที่ทุกคนจะมาเรียกผู้ว่าฯ นั้น การเมืองเป็นตำแหน่งเฉพาะจริงๆ ไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง แต่นี่คือตำแหน่งที่ต้องมาบริหารเมือง ดูแลเมือง เราไม่สามารถที่จะไปทะเลาะกับใครได้ ขึ้นอยู่กับผู้ว่าฯที่จะเข้ามาแก้ปัญหา ก็ต้องรู้จักแข่งขันกับปัญหา ตนขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า ตนมาพร้อมกับความมุ่งมั่นตั้งใจจริงๆ
“ผมไม่เอาชื่อเสียงมาทิ้งตรงนี้แน่นอน การมาในครั้งนี้ ผมมาพร้อมประสบการณ์ที่ทำมาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ กทม. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิศวกรรม ,การศึกษา และ การสาธารณสุข ก่อนที่จะเลือกผู้ว่า กทม. ต้องมองว่า ใครเคยผ่านการทำงานเรื่องอะไรบ้าง คนที่จะเข้ามาเป็นผู้ว่าฯ กทม.ต้องเข้าใจปัญหาในกทม.ในทุกด้าน” นายสุชัชวีร์ กล่าว
นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า ตนเปิดตัวอย่างมั่นใจว่า เป็นนโยบายของตนในเรื่องของออนไลน์ ประชาชนสามารถเข้าถึงการทำงานของ กทม. เราสามารถเข้าถึงทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น การประชาพิจารณ์ในระบบออนไลน์สามารถทำได้ และขอให้มั่นใจว่า การเข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม.ของทุกคน มีความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลา 4 ปี สำหรับปัญหาจราจร เป็นปัญหาทางด้านเทคนิค ปัจจุบัน ถ้าตนเป็นผู้ว่าฯกทม. ทำได้ทันทีในเรื่องของการเพิ่มเลนจราจร โดยจะทวงพื้นที่การจราจร ที่มีการก่อสร้างต่างๆบนพื้นผิวจราจร ให้พี่น้องประชาชนได้ใช้สัญจรทันที และอะไรที่เป็นเป็นอุปสรรคของการจราจร คือเกาะกลางถนน ไม่เคยมีการสังคายนามานานแล้ว หากตนเป็นผู้ว่าฯกทม.จะดำเนินการเรื่องของเกาะกลางถนน ซึ่งต้องได้ผู้ว่าฯกทม.ที่มีความรู้ทางด้านวิศวกรรม
“ผมจะใช้เรื่องการใช้ Wi-Fi ในการอำนวยการจราจร คนก็ไม่กล้าทำผิด กฏหมาย ตรงนี้สามารถแก้ปัญหาได้ทันที ถือว่าเป็นปัญหาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ และทางเทคนิคซึ่งเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาได้หากผมเข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม.”
ส่วนปัญหาหาบเร่แผงลอย นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ตนลงพื้นที่ทุกเขต ที่จะไปคือตลาด ที่น่าเห็นใจ คือพ่อค้า แม่ค้า ที่เป็นหนึ่งในห่วงโซ่เศรษฐกิจของกรุงเทพ ตนรู้ดีว่า หลายคนไม่พอใจ เรื่องฟุตปาธทางเท้า แล้วถ้าเกิดมีผู้ว่าฯชื่อสุชัชวีร์จะแก้ปัญหาในเรื่องนี้จะให้พ่อค้า แม่ค้า เขาไปอยู่ที่อื่นก็เหมือนฆ่าเขา โดยจะเพิ่มเรื่องของสุขอนามัย การล้างมือ การทำความสะอาด สิ่งที่ตนจะทำให้คือ ก๊อกน้ำประปาหลายจุดภายในตลาด รวมทั้งเรื่องเทศกิจจะหมดไป ถ้าหัวไม่ส่าย ห่างก็จะไม่กระดิกชัดเจนตรงนี้ หากมีการทุจริตพ่อค้า แม่ค้า สามารถร้องเรียนออนไลน์ได้ทันที การลงทะเบียนออนไลน์ จะได้รู้ว่าพ่อค้า แม่ค้า อยู่ตรงไหน
“ผมตั้งใจมาแล้วว่า จะทำให้เทศกิจเป็นมิตรกับพ่อค้าแม่ค้า ถ้าเกิดมีอะไร ผมจะเข้าไปดูแลเอง กรุงเทพฯเป็นเมืองที่ถ้อยทีถ้อยอาศัย พ่อค้าแม่ค้าอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข”
สำหรับการจัดการปัญหาขยะในลำคลอง ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมขยะลงคลองชุมชนทั่วกทมมอลล์เป็นของตนลง 50 เขต 50 พื้นที่ไม่มีทางขยะมีขยะ 120 ลิตรแบบนี้โบราณที่สุดแล้ว เพราะตนเป็นผู้ว่าฯกทม. จะใช้ขยะ 660 ลิตรทุกพื้นที่ โดยต้องมีล้อเลื่อน นี่เป็นปัญหาทางด้านเทคนิค ต้องใช้รถขนขยะขนาดเล็ก ใช้คนแค่หนึ่งคนเท่านั้น ชีวิตของคนกรุงเทพก็จะเปลี่ยนไปแล้ว ถ้ามีที่ทิ้งขยะใครจะไปทิ้งในลำคลอง เพราะเขาไม่มีทางเลือก ตรงนี้ทำได้ทันทีเช่นเดียวกับน้ำเน่าประตูระบายน้ำ เป็นต้นเหตุที่ทำให้น้ำเน่า การเปิด-ปิด ประตูน้ำด้วยระบบ Wi-Fi ให้เข้ากับน้ำขึ้น น้ำลงของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่มีการระบายน้ำได้ทันที ไม่ต้องพึงพาอาศัยคนไปเปิด
ส่วนเหตุการชุมนุมทางการเมือง และรัฐบาลมีการใช้กำลังในการสลายการชุมนุม ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ตนคิดเสมอว่าพี่น้องประชาชน คือครอบครัวของตน เพราะฉะนั้นสิทธิขั้นพื้นฐานของการแสดงออก ตนต้องดูแลประชาชน ดูแลเรื่องความปลอดภัย นี่คือเรื่องของชีวิตและทรัพย์สิน สำคัญที่สุด การันตีเลยว่า กล้องวงจรปิดที่จะใช้คือ Wi-Fi ฟรี ก็ทำให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ตลอด ไม่เหมือนในปัจจุบัน ทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ หากท่านทำความรุนแรงกับประชาชน ท่านจะไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าฯ กทม. ที่ชื่อสุชัชวีร์แน่นอน เพราะว่าเขาต้องใช้หลายเรื่อง ต้องใช้ทรัพยากรของกทม. ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ท่านจะได้รับความร่วมมือ หากใช้ความรุนแรงกับประชาชน จะไม่ได้รับความร่วมมือจากกทม.อย่างแน่นอน เพราะประเทศนี้เป็นประเทศประชาธิปไตย