“เฟด” หั่นดอกเบี้ยหนุนเอเชียรับมือเศรษฐกิจ

CNBC ระบุว่า ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียมีช่องว่างมากขึ้นในการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ในการประชุมวันที่ 16-17 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ดอกเบี้ยสหรัฐฯ อยู่ระหว่างร้อยละ 4-4.25 นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้

“หลิว เป่ยเฉียน” นักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียจาก “ฟิเดลิตี้ อินเตอร์เนชันแนล” ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของ “เฟด” อาจทำให้ช่องว่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และพันธบัตรเอเชียลดลง ซึ่งจะช่วยบรรเทาความกังวลเรื่องค่าเงิน และทำให้เขตเศรษฐกิจเอเชียบางแห่ง โดยเฉพาะประเทศที่เผชิญกับแรงกดดันภายใน มีโอกาสมากขึ้นที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 

จุดยืนด้านนโยบายในภูมิภาคนี้มีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น ธนาคารกลางในเอเชียบางแห่งเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อน “เฟด” เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ

อย่างกรณีของธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีเมื่อเดือนพฤษภาคม ส่วนธนาคารกลางออสเตรเลียปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีในเดือนสิงหาคม และธนาคารกลางอินเดียปรับลดอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 0.5 ในเดือนมิถุนายน

“เบ็ตตี้ หวัง” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ “อ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์” มองว่า ธนาคารกลางหลายแห่งในเอเชีย รวมถึงธนาคารกลางเกาหลีใต้และธนาคารกลางอินเดียต่างมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 4

ความกังวลก่อนหน้านี้เกี่ยวกับสกุลเงินท้องถิ่นไม่ได้รุนแรง และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงก็เปิดช่องให้ธนาคารกลางในเอเชียสามารถผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในช่วงปลายปีนี้ เพื่อรับมือกับความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

“ชี่ โหล” นักยุทธศาสตร์ตลาดหุ้นอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของ BNP พาริบาส์ แอสเซ็ต แมเนจเมนต์ ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทำให้มีช่องที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีก ทั้งนี้ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำบ่งชี้ว่าภูมิภาคนี้อาจเผชิญกับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงที่ยาวนานขึ้น